เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. และนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แถลงข่าวมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน โดยระบุว่าจะใช้กองทุนรวมส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย หรือ Thai ESG ขับเคลื่อนตลาดทุน แทนการฟื้นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF โดยมีการปรับปรุงเงื่อนไข หรือ อัปเกรด กองทุน Thai ESG โดยเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษี จากเดิมไม่เกิน 100,000 บาท เป็นไม่เกิน 300,000 บาท และลดระยะเวลาถือครองหน่วยลงทุน จากเดิมต้องถือครอง 8 ปี เหลือเพียง 5 ปี เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 คาดจะมีเม็ดเงินเข้าตลาด ทำให้ตลาดแข็งแรงขึ้น โดยจะเสนอ ครม. อนุมัติเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ หากพิจารณาในรายละเอียดแล้ว LTF และ Thai ESG มีคอนเซปต์เดียวกัน แต่ Thai ESG เน้นไปที่ธุรกิจกลุ่ม ESG เป็นหลัก เป็นเรื่องที่ได้ประโยชน์และตรงกับแนวนโยบายของรัฐบาลมากกว่า เพราะตอนนี้ต้องยอมรับว่าโลกให้ความสำคัญกับเรื่องกรีนกันหมดแล้ว
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กองทุนรวมส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย (Thai ESG) หากพิจารณาในรายละเอียดแล้ว LTF และ Thai ESG มีคอนเซปต์เดียวกัน แต่ Thai ESG เน้นไปที่ธุรกิจกลุ่ม ESG เป็นหลักเป็นเรื่องที่ได้ประโยชน์และตรงกับแนวนโยบายของรัฐบาลมากกว่าเพราะตอนนี้ต้องยอมรับว่าโลกให้ความสำคัญกับเรื่องกรีนกันหมดแล้วขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆยังอยากให้รอดูไปก่อน