นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการ คลัง เปิดเผยว่า ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปจะเดินทางไปพูดคุยและมอบนโยบายตามส่วนงานที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบดูแลตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกอบด้วย กรมศุลกากร กรมสรรพากร และ กรมสรรพสามิต รวมถึงกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานของรัฐในกำกับ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) องค์การสุรา โรงงานไพ่ และ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)
โดยมีประเด็นสำคัญที่จะต้องเร่งหารือกับหน่วยงานต่างๆคือเรื่องกลไกในการปรับปรุงโครงสร้างและนโยบายในการขยายฐานภาษีและสร้างรายได้ให้กับรัฐซึ่งการจัดเก็บรายได้ในปีนี้ในภาพรวมยังชะลอตัวเล็กน้อยแต่ไม่น่าเป็นห่วงเชื่อว่ายังอยู่ในระดับที่จะกลับเข้าสู่กรอบประมาณการเป้าหมายได้
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าตั้งแต่เป็นรัฐบาลมาจนถึงวันนี้งบประมาณเพิ่งจะมีผลบังคับใช้เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา อีกทั้งมาตรการและกลไกในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทั้งหมดที่รัฐบาลทำ อยู่บนต้นทุนซึ่งทำให้รัฐจัดเก็บรายได้ที่ลดลง ไม่ว่าจะเป็นมาตรการอุ้มค่าพลังงานและอื่นๆ ซึ่งเป็นการสูญเสียรายได้รัฐเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ซึ่งการหารือกับหน่วยงานต่างๆ คงต้องไปดูในรายละเอียด และดูว่าแต่ละหน่วยงานมีแนวทางอย่างไร และจะวางเป้าในการวัดประเมินผล (KPI) ของแต่ละหน่วยงานเมื่อครบปี ให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม
ทั้งนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (บอร์ด ธ.ก.ส.) ในช่วงสิ้นเดือนพ.ค.นี้ ในประเด็นการใช้เงินจากมาตรา 28 ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน 172,300 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้มีประเด็นอะไรเพิ่มเติม โดยจะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการ โดยวาระการประชุมจะมีการสั่งการให้ฝ่ายจัดการวางแผนเพื่อเตรียมการรองรับและเตรียมกลไกการดำเนินงานเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย รวมทั้งธ.ก.ส.เองเป็นธนาคารที่จะเข้ามาเชื่อมต่อกับระบบจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงแอปพลิเคชันเพื่อให้เชื่อมโยงกับระบบด้วย