จากรณีที่ตลาดหุ้นไทย ช่วงเช้าร่วงลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 6 ปี นั้น นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า หุ้นไทยลดลงเช้านี้แตะจุดต่ำสุดในรอบ 6 ปี เป็นไปตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ยังคงกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ของสหรัฐ ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ยอมรับว่า ช่วงเปลี่ยนการลงทุนจากหุ้นไปสู่พันธบัตรมากขึ้นเพราะมีความเสี่ยงต่ำกว่า ในขณะที่บ้านเราเองก็จะเห็นได้ว่ามีข้อจำกัดในเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากวานนี้เงินดิจิทัลเฟส 3 ที่ออกมาแจกเงินหมื่นแก่กลุ่มวัยรุ่นมีเม็ดเงินเพียง 2.7 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ภาพรวมของนักลงทุนในตอนนี้อยู่ในภาวะ Risk-off ทำให้มีการโยกเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีแรงเทขายออกมา และกระทบต่อ sentiment ของหุ้นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะแรงขาย DELTA ที่ยังกดดันดัชนี
อีกทั้งตลาดหุ้นบ้านเรายังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่เข้ามาจากในประเทศ และปัจจัยบวกจากฝั่งจีน ทำให้ยังขาดแรงส่งหนุนให้ดัชนีฟื้นกลับขึ้นมาได้ โดยที่มีแนวรับที่สำคัญอยู่ที่ 1,150 จุด เป็นแนวรับแรก หากหลุดมีโอกาสไหลลงได้ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,180 จุด
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าความเสี่ยงด้านเงินฝืดยังกดดันเศรษฐกิจจีน หลังจากเงินเฟ้อจีน ก.พ.68 อยู่ที่ติดลบ 0.7% ติดลบครั้งแรกในรอบ 13 เดือน องค์ประกอบของเงินเฟ้อชะลอลงจากเดือนก่อนในทุกด้าน สะท้อนว่าผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย นอกจากนี้การแข่งขันด้านราคาของผู้ประกอบการในจีน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้ายังเป็นอีกปัจจัยสำคัญ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าความเสี่ยงด้านเงินฝืดจะยังคงกดดันเศรษฐกิจจีนในปี 2568 แม้ในการประชุมสองสภาล่าสุดทางการจีนระบุว่าจะเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่ความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นตลอดทั้งปี การแข่งขันทางด้านราคาและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีนจะยังกดดันการใช้จ่ายผู้บริโภค ทั้งนี้ ล่าสุดทางการจีนได้ปรับลดเป้าหมายเงินเฟ้อมาอยู่ที่ 2% จาก 3%