คอร์รัปชั่นดันราคาบ้านในไทยแพง ผงะโครงการบ้านขนาดเล็กไม่เกิน 50 หลังต้นทุนเงินสินบนสูงถึงเฉลี่ยหลังละ 1-2 แสนบาท

คอร์รัปชั่น ดัน ราคาบ้าน ในไทยแพง ผงะโครงการบ้านขนาดเล็กไม่เกิน 50 หลังต้นทุนเงินสินบนสูงถึงเฉลี่ยหลังละ 1-2 แสนบาท

ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ปัญหาที่คนทำหมู่บ้านจัดสรรต้องเจอ คือถูกเจ้าหน้าที่รัฐเรียกสินบนแลกกับการออกใบอนุญาตทุกขั้นตอนตั้งแต่ก่อนเริ่มโครงการจนขายโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้า แต่ผู้ประกอบการในจังหวัดสมุทรปราการและชลบุรีพากันโอดครวญว่า พวกเขาถูกรีดไถโหดกว่าทุกจังหวัดในประเทศไทยเพราะบ้านใหญ่นักการเมือง

“เราต้องจ่ายสินบนเป็นเงินเฉลี่ยหลังละ 50,000 บาท แล้วยังต้องจ่ายให้เจ้าหน้าที่สารพัดหน่วยที่มาตรวจตราระหว่างการก่อสร้างอีก ต้นทุนก้อนนี้ต้องบวกเป็นราคาขายทำให้ประชาชนต้องซื้อบ้านแพงขึ้น” กลุ่มนักธุรกิจหมู่บ้านจัดสรรให้ข้อมูลสอดคล้องกัน

เมื่อถามว่าทำไมอัตราสินบนที่นี่จึงแพงมาก เทียบกับผู้ประกอบการรายใหญ่ต้องจ่ายใน กทม. (CAC/IOD, 2562) หรือแม้แต่จังหวัดที่เศรษฐกิจดีอย่างเช่น ระยอง ปทุมธานี ราชบุรี คำตอบคือ “เพราะที่นี่มีบ้านใหญ่นักการเมือง คอยจัดการและคุ้มครองกันหากเกิดปัญหา ส่วนข้าราชการในพื้นที่ก็อ่านเกมกินตามน้ำอย่างฮึกเหิมไม่กลัวใคร การรีดไถที่นี่จึงแพงโหดกว่าจังหวัดอื่น”

รายการสินบนที่นักธุรกิจบ้านจัดสรรต้องจ่าย เช่น

  1. การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเมื่อซื้อขาย ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายที่ดินต้องจ่ายเจ้าหน้าที่เป็นค่าอำนวยความสะดวกฝ่ายละ 1 แสนบาท
  2. ค่าใบอนุญาตถมที่ดิน 1 ล้านบาท (เงินเข้า อบต. จริง ไม่กี่พันบาทต่อใบอนุญาต)
  3. ค่าถมดินมีสองแบบคือ ถ้าที่ดินบริเวณนั้นราคาตลาดค่าถมดินอยู่ที่ 2 แสนบาทต่อไร่ ผู้ประกอบการต้องจ้างคนใน อบต. รับเหมาถมที่ในราคา 2.1 – 2.2 แสนบาทต่อไร่ แต่หากไปจ้างผู้รับเหมาอื่นต้องจ่ายเงินกินเปล่าตามจำนวนดิน “คิว” ละ 50 บาท เช่น ใช้ดิน 500 คิวต้องจ่าย 2.5 แสนบาท เป็นต้น
  4. ค่าขอแยกโฉนดแปลงละ 2,000–5,000 บาท หากมีที่ดิน 300 แปลงก็ 1.5 ล้านบาท
  5. ค่าขอใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน แปลงละ 4,500 บาท ถ้าโครงการนั้นมี 300 แปลง ก็ต้องจ่าย 1.35 ล้านบาท ใบอนุญาตมีอายุ 1 ปี หากพ้นกำหนดต้องยื่นขอต่ออายุและต้องจ่ายสินบนอีกครั้ง
  6. ค่าใบอนุญาตก่อสร้าง หลังละ 4,500–5,000 บาท ถ้า 200 หลังก็ 1 ล้านบาท
  7. ค่ายื่นขอเลขที่บ้าน (สำเนาทะเบียนบ้าน) หลังละ 500–2,000 บาท
  8. หากที่ดินติดคลองติดลำห้วย ต้องวิ่งเจ้าท่า ถ้าทำสะพานต้องจ้างคนของ อบต. ให้เขียนแบบก่อสร้าง แล้วไปจ่ายหนักค่าใบอนุญาตก่อสร้างให้คนในกรมเจ้าท่าอีก 2 แสนถึง 8 แสนบาท
  9. เชื่อมท่อระบายน้ำจากหมู่บ้านสู่ท่อสาธารณะ จุดละ 2 แสนบาท เรื่องนี้เดิม อบต.เป็นผู้อนุมัติ ปัจจุบันต้องส่งให้อำเภอ แล้วไปจบที่จังหวัด รวมแล้วต้องจ่ายทั้ง 3 หน่วยงาน การเชื่อมทางกับถนนสาธารณะ ทำทางเดิน ขอมิเตอร์ประปา – ไฟฟ้า ตัดต้นไม้กีดขวางทางเข้าออก ตั้งป้ายโฆษณา ทุกอย่างล้วนมีราคาต้องจ่าย
  10. หากหน่วยราชการนัดประชุมชี้แจง บางทีเขาก็ขอไปใช้ห้องประชุม อบต. แต่ต้องจ่ายค่าเช่าห้องแพงมาก เคยถูกเรียกถึง 1.5 แสนบาทต่อครั้งก็มี (ไป อบต. เพื่อให้ดูเป็นทางการและช่วยกันทำเงิน) แทนที่จะใช้ห้องประชุมของเอกชน โรงแรมหรือร้านอาหาร
  11. ระหว่างการก่อสร้าง ยังต้องจ่ายค่ามองไม่เห็นให้หน่วยงานที่มาตรวจตราหรืออ้างว่ามีผู้ร้องเรียน โดยอ้างว่าเป็นตำรวจท้องที่ ตำรวจทางหลวง กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท ตรวจคนเข้าเมือง แรงงาน เทศบาล ฯลฯ จ่ายเป็นรายเดือนหรือรายครั้งแล้วแต่กรณี
  12. สุดท้ายเมื่อไปทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์หรือจดจำนองบ้านให้ลูกค้า ต้องจ่ายหลังละ 1,000 บาท

เรื่องท้อใจของคนทำหมู่บ้านจัดสรรคือ “ทุกโครงการแม้ทำถูกต้องทุกประการ ผ่านการทำเวทีประชาคม ทำ EIA มาอย่างดีก็ต้องจ่ายใต้โต๊ะเหมือนกันหมด” ที่น่าสังเวชคือ พวกมาตรวจงานก่อนออกใบอนุญาตชอบพาคนที่อ้างว่าเป็นคณะกรรมการมาด้วยจำนวนมาก มากถึง 20 คนก็เจอมาแล้ว ต้องให้ซองค่าเบี้ยเลี้ยงหัวละ 2,000 ถึง 3,000 บาทรวมคนขับรถ แถมยังชอบมาเวลาใกล้มื้อเที่ยงเสียด้วย!!

โดยรวมโครงการหมู่บ้านจัดสรรขนาด 200–300 หลังขึ้นไป มีต้นทุนเป็นเงินสินบน 5 หมื่นบาทต่อหลัง ขณะที่โครงการขนาดเล็ก 20–50 หลัง เงินสินบนเฉลี่ยอาจมากถึง 1–2 แสนบาทต่อหลัง

ทั่วประเทศสินบนที่ต้องจ่ายเพื่อให้ได้ใบอนุญาตจาก 15–22 หน่วยงาน (ป.ป.ช., 2567) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 ขณะที่เงินค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้รัฐจริงมีเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น (ป.ป.ท., 2565) กลายเป็นว่าเรียกรับสินบนแล้วสมประโยชน์กัน คนรับรวย คนจ่ายช้ำใจ ประชาชนรับกรรม

คอร์รัปชันได้ส่งผลกระทบต่อปัญหาปากท้องของประชาชนอย่างไม่อาจเลี่ยง.. ประชาชนต้องซื้อบ้านราคาแพงขึ้น เพราะถูกบวกด้วยต้นทุนจากการจ่ายสินบนและดอกเบี้ยเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากความล่าช้าเพราะเจ้าหน้าที่เจตนาหน่วงเหนี่ยว ทั้งหมดนี้คือต้นทุนจากคอร์รัปชัน สุดท้ายประชาชนก็กลายเป็น “เดอะแบก” ดอกเบี้ยผ่อนบ้านหัวโต แบกรับค่าครองชีพที่สูงขึ้นเพราะบ้านหลังหนึ่งผ่อนนาน 20 – 30 ปี โกงกันซึ่งๆ หน้าไม่อายใคร แล้วเราจะส่งมอบอนาคตแบบนี้ให้ลูกหลานของเราได้หรือครับ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles