คาร์กิลล์ (Cargill) อินคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม การเกษตร และธุรกิจซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าเตรียมตัดลดค่าใช้จ่ายในระยะกลางถึงระยะยาวด้วยการปลดพนักงานครั้งใหญ่ออกเป็นจำนวน 8,200 คนทั่วโลก หรือคิดเป็น 5% ของจำนวนพนักงานในปัจจุบันที่มีทั้งหมด 164,000 คน การปลดพนักงานดังกล่าวจะเริ่มทยอยตั้งแต่ปี 2025 เรื่อยไปจนถึงปี 2030 หรือเป็นระยะเวลา 5 ปีติดต่อกัน นอกจากนี้ พนักงานที่อยู่ในสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือกลุ่มไอทีจะมีการปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมากกว่า 200 คนด้วย
สำหรับพนักงานที่เข้าข่ายในการถูกปลดออกในครั้งนี้เป็นพนักงานระดับกลางตลอดจนแรงงานที่อยู่ในโรงงานต่างๆของคาร์กิลล์ ในขณะที่พนักงานระดับบริหารสูงสุดจะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
นายไบรอัน ไซค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ เปิดเผยว่า การปรับงานจะเริ่มต้นภายในปี 2026 เป็นต้นไปที่สำคัญบริษัทต้องการที่จะปรับโครงสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและการผลิตให้มีความคล่องตัวสูงมากกว่าเดิม โดยเฉพาะบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบของระดับบริหารจะมีการเพิ่มภาระความรับผิดชอบดังกล่าวมากขึ้น จากนี้จะมีการปรับโครงสร้างโดยยุบรวมกลุ่มธุรกิจทั้งหมด 5 กลุ่มใหญ่ให้เหลือเพียงแค่ 3 กลุ่มธุรกิจสำคัญเท่านั้น
สาเหตุในการตัดลดค่าใช้จ่ายในช่วงระยะ 5 ปีข้างหน้าจากนี้ไปนั้น เป็นผลจากการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทคาร์กิลล์ชะลอตัวลงสะท้อนจากการบริหารจัดการราคาวัตถุดิบของสินค้าเกษตรสำคัญได้แก่ถั่วเหลืองและข้าวโพดมีราคาตกต่ำอย่างรุนแรง ผลประกอบการล่าสุดเมื่อถึงเดือนสิ้นเดือนพฤษภาคมผ่านไปนั้น พบว่าผลกำไรสุทธิ ลดลงมาเหลือที่ 2,480 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 86,800 ล้านบาท ทำสถิติผลกำไรสุทธิที่ตกต่ำมากที่สุดในรอบ 8-9 ปี ตั้งแต่ระหว่างปี 2015 ถึง 2016 เป็นต้นมา ผลกำไรสุทธิดังกล่าวยังตกต่ำลดลงไม่ถึงครึ่งหนึ่งของในช่วงปี 2021 ถึง 2022 ที่มีผลกำไรสุทธิสูงถึง 6,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 234,500 ล้านบาท
คาร์กิลล์ ก่อตั้งขึ้นโดยนายวิลเลียม วอลเลซ คาร์กิลล์ เมื่อปี 1865 หรือเป็นเวลามาอย่างยาวนานถึง 159 ปี ในปัจจุบัน คาร์กิลมีบริษัทกระจายอยู่ใน 70 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานกว่า 155,000 คน ทำให้คาร์กิลเป็นบริษัทอุตสาหกรรมเกษตรที่ทำธุรกิจหลายอย่างมากโดยมีกลุ่ม 5 ธุรกิจ ดังนี้
1. การขนส่งทางทะเล เป็นธุรกิจโลจิสติกส์ในเครือของคาร์กิลที่ควบคุมโดย Cargill Ocean Transportation เริ่มต้นในปี 1956 ซึ่งคาร์กิลเป็นเจ้าของเรือขนส่งสินค้ากว่า 100 ลำ และบริการขนส่งสินค้าไปท่าเรือต่างๆ กว่า 70 แห่งทั่วโลก
2.ฝ้าย เป็นธุรกิจที่คาร์กิลเริ่มทำในช่วงแรก ๆ ของการตั้งบริษัทและยังคงเป็นจุดขายของคาร์กิลมาจนถึงปัจจุบัน โดยฐานการผลิตใหญ่ ๆ อยู่ที่สหรัฐฯ และบราซิล
3. โกโก้ เป็นธุรกิจที่ควบคุมโดย Cargill Cocoa & Chocolate โดยมีฐานการผลิตในไอวอรี่โคสต์ บราซิล กานา แคเมอรูน และอินโดนีเซีย ซึ่งมีการเอาโกโก้ไปแปรรูปทำช็อกโกแลตหลาย ๆ แบรนด์ทั้งในอเมริกาเหนือและยุโรป ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Wilbur ของสหรัฐฯ, Peter’s ของสวิตเซอร์แลนด์ และ Veliche ของเบลเยียม
4. เกลือ คาร์กิลผลิตเกลือในแบรนด์ Diamond Crystal Salt ที่เริ่มในปี 1962 โดยคาร์กิลกว้านซื้อเหมืองเกลือทั่วสหรัฐฯ ทำให้ในปัจจุบันคาร์กิลเป็นผู้กุมตลาดเกลือรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และ 5.สารให้ความหวานแทนน้ำตาล คาร์กิลร่วมลงทุนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น Coca-Cola พัฒนาสารให้ความหวานแทนน้ำตาลในแบรนด์ Truvia ซึ่งถือว่าเป็นผู้ค้ารายใหญ่ที่สุดในโลก มีส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) กว่า 33%
ทั้งนี้ สำหรับในไทยนั้น กลุ่มบริษัทคาร์กิลล์ ได้เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2511 โดยจัดตั้งสำนักงานซื้อขายในกรุงเทพมหานคร ตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา คาร์กิลล์ดำเนินงานและลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายธุรกิจของเราให้เติบโตไปพร้อมๆกับชุมชนและเศรษฐกิจของไทย โดยมีสำนักงานมากกว่า 14 สาขาทั่วประเทศ และมีพนักงานกว่า 15,000 คน