ค่ายรถฮอนด้า ประเทศไทย เปิดสูตรเด็ดสู้ศึกรถอีวีจีน ลั่นรอไม่นานหรือใน 5 ปี ดันยอดขาย 1 แสนคันจ่อขึ้นเบอร์ 1 ตลาดรถยนต์นั่งในไทยปี 2030 ซีอีโอฮอนด้า โคจิ อิวานามิ ย้ำออปชั่นพรึบ ปีหน้า 69 เปิดรถใหม่เข้าไทย 3 ปีเปลี่ยนโมเดล

ค่ายรถ ฮอนด้า ประเทศไทย เปิดสูตรเด็ดสู้ศึกรถอีวีจีน ลั่นรอไม่นานหรือใน 5 ปี ดันยอดขาย 1 แสนคันจ่อขึ้นเบอร์ 1 ตลาดรถยนต์นั่งในไทยปี 2030 ซีอีโอฮอนด้า โคจิ อิวานามิ ย้ำออปชั่นพรึบ ปีหน้า 69 เปิดรถใหม่เข้าไทย 3 ปีเปลี่ยนโมเดล

นายโคจิ อิวานามิ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ บริษัทฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวให้สัมภาษณ์ในงานแสดงยนตรกรรมเจแปนโมบิลิตี้โชว์ 2025 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ว่า สำหรับประเทศไทยลูกค้าหรือผู้บริโภคยังคงมีความมั่นใจในรถยนต์ของฮอนด้า ซึ่งในช่วงที่ผ่านมานั้น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีของจีนมีราคาถูก การที่จะทำตลาดรถยนต์ในประเทศไทย เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดโดยเปรียบเทียบกับรถอีวีนั้น จะต้องมีราคาที่สามารถแข่งขันได้ ในขณะที่ผลการดำเนินงานของฮอนด้าในปี 2025 นี้คาดว่าจะมียอดขายทั้งหมดใกล้เคียง หรือเสมอตัวกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะยอดขายรถยนต์ของฮอนด้าในเดือนตุลาคมมีแนวโน้มสูง ที่จะสูงกว่าในปีที่แล้วจากการจัดแคมเปญส่งเสริมการขาย

สำหรับแผนระยะยาวช่วง 3-5 ปีข้างหน้านั้น ฮอนด้าเน้นการทำตลาดรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์ไฮบริด ซึ่งเป็นจุดที่ผู้บริโภคคนไทยชื่นชอบและให้ความสำคัญ ในขณะที่มุมมองที่มีต่อตลาดรถยนต์พลังงานหรือรถอีวีในประเทศไทยนั้น ขณะนี้จะพบว่าราคาขายต่อของรถอีวีมีราคาถูกลงอย่างมาก ซึ่งส่งผลต่อความต้องการซื้อรถอีวีของคนไทย สิ่งที่ต้องแก้ไขอยู่ที่แบตเตอรี่จะต้องมีการเสื่อมสภาพให้น้อย เมื่อมีการใช้งานผ่านมาเป็นเวลานาน 10 ปี จะมีส่วนทำให้ราคาขายต่อไม่ตกต่ำลงไปมาก

ซีอีโอ บริษัทฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต่อไปว่า มุมมองที่มีต่อการผลิตและทำตลาดรถอีวีของฮอนด้านั้น จะให้ความสำคัญ 3 ด้านหลัก ได้แก่ การผลิตแบตเตอรี่สำหรับอีวีจะต้องมีต้นทุนต่ำลง การเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ให้น้อยลง และสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถอีวีมีจำนวนมากพอ สำหรับการทำตลาดรถยนต์ของฮอนด้าในปี 2026 นั้น จะมีทั้งการนำรถอีวีและรถยนต์ประเภทเครื่องไฮบริดเข้าสู่ตลาดรถยนต์ในไทย ด้วยการกำหนดกลยุทธ์ว่าราว 3 ปีจะมีการเปลี่ยนโมเดลของรถ รถยนต์จะมีออปชั่น (Option) หรือการใช้งาน (Function) มากขึ้น

ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ บริษัทฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต่อไปว่า ดังนั้นภายใน 5 ปีจากนี้ไป หรือภายในปี 2030 ฮอนด้า ประเทศไทย คาดหวังที่จะมียอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเป็นจำนวน 100,000 คัน และจะส่งผลให้ฮอนด้ากลายเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของประเทศไทย

ด้านกลยุทธการแข่งขันตลาดรถยนต์ในไทยนั้น ยอมรับว่า คู่แข่งสำคัญของฮอนด้ามีทั้งโตโยต้า และบีวายดี ฮอนด้ากำหนดแผนชัดเจนว่า จะต้องนำเสนอคุณค่าในรถของฮอนด้าได้มากกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ฮอนด้ามีแผนการผลิตรถยนต์สมาร์ทคาร์ และตอบสนองความต้องการเฉพาะของผู้บริโภคชาวไทย การใช้วิธีคิดและหลักการผลิตรถฮอนด้าภายใต้วิธีการที่เรียกว่าเอสดีวี หรือ Software Design Vehicle ในแง่การแข่งขันกับรถอีวีนั้น ฮอนด้าให้ความสำคัญกับคุณภาพในการบริหารหลังการขายกับเครือข่ายดีลเลอร์ฮอนด้าจำนวน 220 แห่งทั่วประเทศไทย

ทั้งนี้ นายโคจิ อิวานามิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ บริษัทฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวทิ้งท้ายว่าในเดือนพฤศจิกายนนี้ คณะรัฐบาลไทย ซึ่งนำโดยรองนายกรัฐมนตรี และบีโอไอจะมีการพบหารือและประชุมกับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นในหลากหลายประเด็นสำคัญ เช่น อัตราภาษีศุลกากร อัตราค่าธรรมเนียม โครงการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ประเภทเครื่องไฮบริดในประเทศไทย เป็นต้น

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles