นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดที่ระดับ 36.84 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.76 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.75-37.00 บาทต่อ ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 36.74- 36.85 บาทต่อดอลลาร์) ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 4.60% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด (ผู้เล่นในตลาดต่างคาดว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยไม่ถึง 2 ครั้ง ในปีนี้)
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากทั้งภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมถึงการอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่นที่ล่าสุดทะลุโซน 157.50 เยนต่อดอลลาร์ อีกครั้ง และนอกเหนือจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากความกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดเช่นกัน
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทได้มีกำลังมากขึ้น หลังในวันก่อนหน้าเงินบาทได้ผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่องทะลุโซนแนวต้าน 36.75-36.80 บาทต่อดอลลาร์ เปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถกลับไปทดสอบโซน 37 บาทต่อดอลลาร์ ได้อีกครั้ง (ซึ่งเป็นกรอบค่าเงินบาทที่เราได้ประเมินไว้ ณ ต้นสัปดาห์)
โดย ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าก็ยังคงมีอยู่ ทั้งความกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ที่หนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ สามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ ซึ่งภาพดังกล่าวก็อาจกดดันให้ราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงปรับฐานราคา (Correction) ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในช่วงปรับฐานและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็จะยิ่งกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง นอกจากนี้ บรรยากาศในตลาดที่กลับมาปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ก็อาจทำให้บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยขายหุ้นไทยเพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่จะมีการปรับสัดส่วนหุ้นไทยในดัชนี MSCI (คาดว่า อาจมีแรงขายหุ้นไทยที่ถูกปรับสัดส่วนและถูกปรับออกจากดัชนี ราว 1 หมื่นล้านบาท)
ทั้งนี้ เงินบาทก็มีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในคืนนี้ โดยเฉพาะยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) เพราะหากออกมาแย่กว่าคาด ก็สามารถกดดันให้เงินดอลลาร์ผันผวนอ่อนค่าลงได้ราว -0.14% แต่ในทางกลับกัน หากออกมาดีกว่าคาด สะท้อนภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่สดใสและแข็งแกร่ง ก็อาจยิ่งหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นราว +0.20% โดยเงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนสูง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท