ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย รับเงินดอลลาร์อ่อน  หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดที่ระดับ  31.50 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดของวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  31.46 บาทต่อดอลลาร์ 

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน (แกว่งตัวในกรอบ 31.35-31.48 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจนทะลุกรอบ 31.40 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินไว้ในวันก่อนหน้า สอดคล้องกับการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และการปรับตัวขึ้นของ ราคาทองคำ (XAUUSD) หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ เดือนพฤศจิกายน ชะลอตัวลงสู่ระดับ 2.7% ต่ำกว่าที่ตลาดประเมินไว้ 3.1% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่ไม่รวมผลของราคาอาหารและพลังงาน (Core CPI) ก็ชะลอตัวลงต่อเนื่อง สู่ระดับ 2.6% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 3.0% ส่งผลให้บรรดาผู้เล่นในตลาดยังคงมั่นใจว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด (ตลาดให้โอกาสเกือบ 50% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปี 2026) 

แนวโน้มค่าเงินบาท  มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.30-31.60 บาทต่อ ดอลลาร์ โดยยังคงมั่นใจว่า เงินบาท (USDTHB) ยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น และมีโอกาสสูงที่จะแข็งค่ามากกว่าระดับ สิ้นปีแถว 31.85+/-0.25 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่เราคาดการณ์ไว้ในรายงานบทวิเคราะห์ Global FX Outlook 2026 ได้ (สามารถอ่านได้ใน LineOA หรือขอรับบทวิเคราะห์ฉบับบเต็มจากทาง Sales ของ Krungthai Global Markets) โดยจากการประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น จนกว่าจะสามารถพลิกกลับมาอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 31.80 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน (เราจะปรับมุมมองต่อแนวโน้มเงินบาทใหม่ หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 30 สัปดาห์ หรือโซน 32.50 บาทต่อดอลลาร์)

อย่างไรก็ดี โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้ชะลอตัวลงและอาจทำให้ยังไม่สามารถเห็นการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องที่ชัดเจนของเงินบาทได้ในระยะสั้นนี้ ทว่า อาจต้องระวังความผันผวนของตลาดการเงินในช่วงทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ ที่อาจทำให้เงินบาทเคลื่อนไหวได้ทั้งสองทิศทาง (Two-way risk) 

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles