นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาท วันนี้ เปิดที่ระดับ 36.19 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.21 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.00-36.30 บาทต่อดอลลาร์ โดยต้องระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง (แกว่งตัวในช่วง 36.08-36.23 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ 36.05-36.10 บาทต่อดอลลาร์ ตามการอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์ และจังหวะการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่ได้ปรับตัวขึ้นสู่โซน 2,430 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังรายงานดัชนีภาคการผลิต โดยเฟดนิวยอร์ก (NY Empire State Manufacturing Index) ออกมาแย่กว่าคาด อีกทั้งถ้อยแถลงของประธานเฟดล่าสุดที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อแนวโน้มการชะลอลงของอัตราเงินเฟ้อ ก็ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า เฟดมีโอกาสถึง 60% ในการลดดอกเบี้ยราว 3 ครั้งในปีนี้
อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็ไม่ได้อ่อนค่าลงต่อเนื่องชัดเจน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงรอจังหวะในการเพิ่มสถานะ “Trump Trades” (รอจังหวะเงินดอลลาร์ย่อตัว เพื่อ buy on dip) หลังเหตุลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเพิ่มโอกาสที่โดนัลด์ ทรัปม์จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัยได้
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท ประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ในกรอบ 36.05-36.30 บาทต่อดอลลาร์ หรือแกว่งตัวใกล้แนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันไปก่อน (แถวโซน 36.10 บาทต่อดอลลาร์) จนกว่าจะมีการรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยในช่วงระหว่างวัน เงินบาทอาจมีจังหวะผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง หากบรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม ดังจะเห็นได้จากการที่นักลงทุนต่างชาติได้เริ่มทยอยขายทั้งหุ้นและบอนด์ไทยในช่วงวันก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี เงินบาทก็อาจยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง ตราบใดที่ราคาทองคำไม่ได้เข้าสู่ช่วงการปรับฐานที่ชัดเจน โดยทุกๆ จังหวะการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ อาจเห็นแรงขายทำกำไรทองคำ ซึ่งช่วยหนุนค่าเงินบาทได้บ้าง
ทั้งนี้ควรระวังความผันผวนของตลาดการเงินในช่วงทยอยรับรู้รายงานยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ในช่วงราว 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยหากยอดค้าปลีกออกมาดีกว่าคาดชัดเจน ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งของเฟดในปีนี้ลงบ้าง ส่งผลให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้นได้ ในทางกลับกัน หากออกมาแย่กว่าคาด สะท้อนการชะลอลงของการบริโภคในสหรัฐฯ ที่ชัดเจน ก็อาจกดดันให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงได้บ้าง