นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.86 บาทต่อดอลลาร์ โดยมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.75-36.90 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ และประเมินกรอบเงินบาท 36.65-37.00 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ
นับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นในลักษณะ sideways down (แกว่งตัวในช่วง 36.77-36.87 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยจังหวะการย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์ และการรีบาวด์ขึ้นเกือบ +30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่ได้แรงหนุนจากการย่อตัวลงของทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ ทั้งนี้ เงินบาทยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นได้ต่อเนื่อง หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ และการดีเบตรอบแรกของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ อีกทั้ง ราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ทำให้อาจมีโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมันกลับเข้ามากดดันเงินบาทได้บ้าง
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทได้ชะลอลงบ้าง จากอานิสงส์การรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ส่วนเงินดอลลาร์อาจแกว่งตัว sideways ไปก่อน เพื่อรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ในช่วงคืนวันศุกร์นี้ (เวลาราว 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย) อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนของตลาดการเงิน ในช่วงตลาดติดตาม การดีเบตรอบแรกระหว่างผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (เวลาประมาณ 8.00 น. – 9.30 น.) แต่เราประเมินว่า ตลาดการเงินอาจให้น้ำหนักกับรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE มากที่สุด โดยหากอัตราเงินเฟ้อชะลอลงต่อเนื่องตามคาด หรือ ชะลอลงมากกว่าคาด อาจช่วยหนุนให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งเชื่อว่า เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ ทำให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจย่อตัวลงบ้าง ส่งผลให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ ส่วนเงินบาทก็อาจแข็งค่าทดสอบแนวรับระยะสั้นแถว 36.60-36.70 บาทต่อดอลลาร์ได้
อย่างไรก็ตามกรุงไทยมองว่าเงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตามการเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาทอย่างมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น