นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.10 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 33.16 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.85-33.45 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.00-33.25 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาเงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้น ในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 33.08-33.19 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการทยอยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ ซึ่งยังคงได้แรงหนุนจากความไม่แน่นอนของทั้งการเลือกตั้งสหรัฐฯ และสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ส่วนเงินดอลลาร์ก็เริ่มเผชิญแรงขายทำกำไร หลังปรับตัวขึ้นในช่วงก่อนหน้า
อีกทั้งเงินดอลลาร์ก็ยังถูกกดดันจากการรีบาวด์แข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ตามส่วนต่างบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กับญี่ปุ่นที่ลดลง รวมถึงการทยอยเพิ่มสถานะ Long JPY ของผู้เล่นในตลาดที่รอจังหวะ Buy on Dip (รอเงินเยนญี่ปุ่นมีจังหวะอ่อนค่าบ้าง) ทั้งนี้การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้างแถวโซนแนวรับ 33.10 บาทต่อดอลลาร์ ตามแรงซื้อเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาดบางส่วน ซึ่งเราประเมินว่าส่วนหนึ่งก็อาจเกี่ยวกับโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมันดิบได้ หลังราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จนกลับมาใกล้ระดับช่วงสิ้นเดือนกันยายน (Brent อยู่แถวโซน 73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน WTI อยู่แถวโซน 69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล)
สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้เงินดอลลาร์จะทยอยแข็งค่าขึ้น แต่เงินบาทก็พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่
ส่วนสำหรับสัปดาห์นี้ ประเมินว่าควรรอติดตามรายงานดัชนี PMI ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก พร้อมรอลุ้นผลการเลือกตั้งญี่ปุ่น และรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน