นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า “ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดที่ระดับ 32.48 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.45 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน ในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.41 – 32.49 บาทต่อดอลลาร์) แม้จะมีความพยายามอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับจังหวะการปรับตัวลดลงบ้างของ ราคาทองคำ (XAUUSD) หลังผู้เล่นในตลาดยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ที่อาจมีการชะลอการลดดอกเบี้ยได้ ซึ่งจะขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะทยอยประกาศออกมา หลังภาวะ US Government Shutdown ได้สิ้นสุดลง โดยเฉพาะในสัปดาห์นี้ ที่ผู้เล่นในตลาดจะทยอยรับรู้รายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เดือนกันยายน ในวันที่ 20 พฤศจิกายน นี้
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนบ้าง จากการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาดโดยเฉพาะในฝั่งสถานะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลังล่าสุด เงินเยนญี่ปุ่นได้ทยอยอ่อนค่าลงทะลุโซน 155 เยนต่อดอลลาร์ จากทั้งประเด็นความกังวลเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลญี่ปุ่น ภายใต้นายกฯ Sanae Takaichi สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวญี่ปุ่น และประเด็นรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีนล่าสุด ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทก็ยังคงถูกชะลอลงบ้างแถวโซนแนวต้าน หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ในโซนดังกล่าว หรือปรับลดสถานะถือครอง อย่างสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง
แนวโน้มค่าเงินบาท มองกรอบคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.35-32.55 บาทต่อดอลลาร์ ยังคงประเมินว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยโซนแนวต้านยังคงอยู่แถว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวรับยังอยู่แถว 32.30 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดจะยังไม่รีบปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน จนกว่าจะทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากทางการสหรัฐฯ อย่างยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เดือนกันยายน ที่จะรับรู้ในวันที่ 20 พฤศจิกายน นี้ รวมถึง รายงานผลประกอบการของ Nvidia ที่จะรับรู้ในวันที่ 19 พฤศจิกายน ในช่วง After Market ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ หลังในช่วงที่ผ่านมา บรรดาหุ้นเทคฯ ธีม AI/Semiconductor ทั่วโลกได้ทยอยปรับตัวลดลง จนทำให้ในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ หากประเมินเชิงเทคนิคัล ดัชนี S&P500 และดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ก็ย่อตัวลง เข้าสู่โซนที่เสี่ยงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังหลุดโซนแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน