นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาท เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 32.55 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.35-32.55 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จนทะลุโซนแนวรับสำคัญ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ (กรอบการเคลื่อนไหว 32.35-32.57 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำ (XAUUSD) มีจังหวะปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ แถวโซน 2,685 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และก่อนที่ราคาทองคำจะเผชิญแรงขายทำกำไรและถูกกดดันเพิ่มเติมจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด อาทิ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) และ อัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 2
อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ดังกล่าวก็อยู่ได้ไม่นาน โดยเงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงตามแรงขายทำกำไร (Sell on Rally) ท่ามกลางภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ของตลาดการเงินโดยรวม อีกทั้งบรรดาสกุลเงินหลัก อย่าง เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ก็กลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลังผู้เล่นในตลาดประเมินว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจไม่จำเป็นต้องเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ในอีก 2 การประชุมที่เหลือของปีนี้ (ล่าสุด ตลาดมอง BOE อาจลดดอกเบี้ยอีกราว -39bps) ซึ่งการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ได้หนุนให้ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นเกือบ +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำอีกรอบ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทจนทะลุโซนแนวรับสำคัญ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ไม่ได้เหนือความคาดหมายของเรานัก เนื่องจากเรามองว่า ตราบใดที่ราคาทองคำยังพอมีจังหวะปรับตัวสูงขึ้นได้ ก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะเห็นการกลับตัวมาอ่อนค่าลงของเงินบาท อีกทั้งในช่วงนี้ ตลาดการเงินก็ดูมีความหวังกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนพอสมควร หลังทางการจีนได้ออกมาย้ำจุดยืนพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ในวันก่อนหน้า ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงการถือครองสินทรัพย์ฝั่งเอเชีย หนุนให้ในระยะสั้น สกุลเงินฝั่งเอเชียมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นได้บ้าง เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ (เงินดอลลาร์อาจขยับมาอยู่ตรงกลางของ USD Smile Curve) และเมื่อประเมินในเชิงเทคนิคัลเพิ่มเติม การแข็งค่าทะลุโซนแนวรับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ก็อาจเปิดโอกาสให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ 32.25-32.35 บาทต่อดอลลาร์ได้เช่นกัน โดยจะมีแนวรับถัดไปแถวโซน 32.00 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทควรจะชะลอลงบ้าง หลังราคาทองคำเริ่มเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้น และไม่ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องชัดเจน อีกทั้งสัญญาณเชิงเทคนิคัล เริ่มสะท้อนความเสี่ยงของการย่อตัวลงบ้างของราคาทองคำ ทำให้ หากราคาทองคำมีจังหวะย่อตัวลงบ้าง ก็อาจช่วยชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท นอกจากนี้ เรามองว่า บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างก็ไม่ได้มีมุมมองเชิงบวกต่อเงินบาทนัก โดยเฉพาะหากประเมินจากปัจจัยพื้นฐาน ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยขายทำกำไรสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่า) ได้บ้าง ดังจะเห็นได้จากการที่เริ่มเห็นแรงขายบอนด์ระยะสั้นจากนักลงทุนต่างชาติออกมาบ้างในช่วงนี้ ขณะเดียวกัน การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบในระยะสั้น อาจเห็นโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมันดิบเพิ่มเติม รวมถึงอาจเห็นโฟลว์ธุรกรรมซื้อสกุลเงินต่างประเทศ อย่าง เงินเยนญี่ปุ่น (JPYTHB) หลังเงินบาทแข็งค่าขึ้นพอสมควรในช่วงนี้