ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ญี่ปุ่น รายงานว่า วันนี้ 5 สิงหาคม 2024 ดัชนีหุ้นนิกเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดที่ระดับ 31,458.42 จุด ทรุดดำดิ่ง -4,451.28 จุด หรือ -12.40% ทำสถิติดัชนีหุ้นเลวร้ายมากที่สุดนับตั้งแต่ภาวะตลาดหุ้นจันทร์ทมิฬ หรือ Black Monday ในปี 1987 หรือในรอบ 37 ปีผ่านมา และในแง่จำนวนจุด ยังพบว่า เป็นวันที่ดัชนีหุ้นนิกเคอิดำดิ่งหนัก -4,451.28 จุด มากเป็นประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น อีกด้วย นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นนิกเคอิที่ร่วงลงหนักในวันนี้ ยังทำให้ส่วนต่างดัชนีหุ้นตั้งแต่ต้นปีมาถึงวันนี้กลายเป็นศูนย์
ย้อนกล้บไปเมื่อเวลา 14.40 น. ตามเวลาญี่ปุ่น หรือตรงกลับ 12.40 น. ตามเวลาไทย ดัชนีหุ้นนิกเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ร่วงลง -3,603 จุด หรือ -10.04% มาเคลื่อนไหวที่ระดับ 32,305.96 จุด ส่งผลทำสถิติดัชนีหุ้นดำดิ่งรุนแรงเกินกว่า -10% ภายใน 1 วันทำการ ที่สำคัญ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น เข้าสู่ภาวะตลาดหมี หรือ Bearish Market อย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากปิดดำดิ่งอย่างหนักเกินกว่า -20% เมื่อเทียบจากสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นท๊อปปิก (TOPIX) ตลาดหุ้นโตเกียว ยังปิดตลาดในวันนี้ 5 สิงหาคม 20244 ดำดิ่งหนักถึง -12.23% ปิดที่ระดับ 2,227.15 จุด โดยเฉพาะทั้ง 2 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 2 แห่ง ได้แก่ ดัชนีหุ้นท๊อปปิก (TOPIX) และดัชนีหุ้นนิกเคอิ จะปิดดำดิ่งรวมกัน 3 วันติดกัน ทำสถิติเลวร้ายที่สุดในรอบ 13 ปีต่อเนื่อง หรือนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 ที่เกิดคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มเมืองฟูกูชิมะ ประเทศญี่ปุ่น
ตลาดหลักทรัพย์ประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า ปิดตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคมผ่านไป ดัชนีหุ้นท๊อปปิก (TOPIX) ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ดัชนีหุ้นสำคัญของตลาดหุ้นญี่ปุ่นตกต่ำอย่างรุนแรงมากถึง -6% ที่สำคัญดัชนีหุ้นดังกล่าวทรุดต่ำอย่างรุนแรงรวม 2 วันติดกัน (พฤหัสบดีที่ 1 และศุกร์ที่ 2 สิงหาคม) มากถึง-9% ส่งผลให้ตลาดตลาดหุ้นโตเกียวประเทศญี่ปุ่นทำสถิติดำดิ่งเลวร้ายที่สุดในรอบ 13 ปีหรือนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2011 ซึ่งเกิดคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มเมืองฟูกูชิมะอย่างรุนแรง ที่น่าสนใจคือมูลค่าตลาดหุ้นโตเกียวประเทศญี่ปุ่นเสียหายภายในสองวันทำการดังกล่าวรวมกันถึง 89.2 ล้านล้านเยน หรือเกือบ 600,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 21.6 ล้านล้านบาท
สอดรับกับดัชนีหุ้นนิกเคอิ ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ผ่านมา ดัชนีหุ้นนิกเคอิปิดดำดิ่งมาอยู่ที่ระดับ 35,909.70 จุด ดำดิ่งหนาตาถึง -2,216 จุด หรือ -5.81% ทำสถิติดำดิ่งมากสุดใน 1 วันทำการในรอบ 4 ปี 4 เดือน หรือตั้งแต่มีนาคม 2020 หรือตั้งแต่วิกฤตโรคระบาดโควิด-19
ขณะนี้ ทั้งดัชนีหุ้นท๊อปปิก (TOPIX) และดัชนีหุ้นนิกเคอิ ล้วนดำดิ่งมากกว่า -10% จากระดับค่าดัชนีหุ้นทั้ง 2 แห่งที่เคยมีสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เมื่อเดือนกรกฎาคมผ่านมา ส่งผลให้ตลาดหุ้นโตเกียว เข้าสู่ภาวะปรับฐานทางเทคนิกอย่างเป็นทางการ และเป็นที่ชัดเจน นักลงทุนต่างชาติแห่เทขายหุ้นสุทธิในตลาดหุ้นโตเกียวมากถึง 1.56 ล้ายล้านเยน หรือกว่า 370,500 ล้านบาท
สถานการณ์ตลาดหุ้นโตเกียวประเทศญี่ปุ่นสุดต่ำอย่างรุนแรงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมาธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.15% ขึ้นมาเป็น 0.25% นับเป็นเป็นการปรับขึ้นครั้งที่สองต่อเนื่องในปีนี้ ส่งผลในอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจากระดับ 0 ถึง 0.1% ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.25% นักวิเคราะห์ประเมินว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารญี่ปุ่นนั้น จะส่งผลกระทบต่อหุ้นที่อยู่ในธุรกิจที่เปราะบางโดยเฉพาะบริษัทส่งออก เนื่องจาก ค่าเงินเยนเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ ทะยานแข็งค่าขึ้นแตะ 148.90 ต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแข็งค่าสูงในรอบ 4 เดือนผ่านมา ปัจจัยนี้จะบั่นทอนการส่งออกของญี่ปุ่น และกดดันรายได้ของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นด้วย
คิโยชิ อิชิกาเน่ หัวหน้าผู้จัดการกองทุน มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ แอสเส็ท แมเนจเมนต์ ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ไม่คาดเลยว่าตลาดหุ้นจะร่วงรุนแรงมากขนาดนี้ นี่คือหายนะจริง ภาวะตลาดหุ้นโตเกียวที่เลวร้ายนี้ อาจจะเป็นการชั่วคราว แต่ตลาดหุ้นโตเกียวตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ ปัจจัยลบที่อยู่นอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีผลกระทบต่อบรรยกาศการลงทุนในตลาดหุ้นโตเกียวในช่วง 2 วันติดกันผ่านมา คือ ภาวะแห่เทขายตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอย่างหนาตาและรุนแรง สะท้อนจากผลประกอบการของบริษัทชั้นนำในไตรมาสที่ 2 ที่ส่วนใหญ่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน