จีนมาถูก! ค้าปลีกไทยโดนสินค้าจีนสุดถูก-ภาษีเหลื่อมล้ำสินค้าจีนกับไทย ถล่มตลาดในไทย

จีนมาถูก! ค้าปลีก ไทยโดนสินค้าจีนสุดถูก-ภาษีเหลื่อมล้ำสินค้าจีนกับไทย ถล่มตลาดในไทย

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีกของประเทศไทยมีการเติบโตมากว่า 1-2 เท่าของจีดีพีของประเทศในทศวรรษที่ผ่านมา และหลังจากนั้นการเติบโตของค้าปลีกจะต่ำกว่าจีดีพี โดยปี 2566 ค้าปลีกไทยเติบโตเพียง 1.6-1.7% โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 4.4 ล้านล้านบาท

สำหรับปีนี้ บริษัทคาดว่าธุรกิจค้าปลีกไทยจะเติบโตในอัตราที่ใกล้เคียงกับจีดีพีของประเทศ แต่ด้วยอุปสรรคหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะปัญหาสินค้าจีน และสินค้าจีนที่ขายอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์มีมูลค่า 2 ใน 3 ของมูลค่ารวมในแพลตฟอร์มดังกล่าว ประกอบกับความเหลื่อมล้ำของระบบภาษีของสินค้าจีนกับสินค้าไทย ทำให้สินค้าไทยขาดความสามารถในการแข่งขันกับสินค้าจีน ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจค้าปลีกของไทยกลับมาโตต่ำกว่าจีดีพีในปีนี้

เพื่อให้ค้าปลีกเติบโตในอัตราเคียงกับจีดีพีของประเทศที่ระดับประมาณ 2-3% รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ปัญหาทำให้เกิดความทัดเทียมกันในเรื่องระบบภาษีระหว่างสินค้าจีนและไทย และเร่งออกมาตรการที่มีลูกเล่นใหม่ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นกำลังซื้อคนมีเงิน และเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวโดยการลดภาษีเป็นการจูงใจให้ซื้อสินค้าลักชูรีในประเทศมากขึ้น จากที่ปัจจุบันจะใช้จ่ายเงินกับการเข้าพักโรงแรมและอาหารเท่านั้น

ในปัจจุบัน ในประเทศไทย เซ็นทรัลรีเทลดำเนินธุรกิจค้าปลีกใน 60 จังหวัด มีจำนวนสาขาทั้งหมด 1,633 สาขา และมีศูนย์การค้า 33 แห่ง มีพื้นที่ขายทั้งหมด 3,139, 533 ตารางเมตร และพื้นที่เช่า 531,162 ตารางเมตร ส่วนในประเทศเวียดนาม บริษัทมีสาขาทั้งหมด 133 แห่ง ครอบคลุม 42 จังหวัด มีพื้นที่ขายรวม 354,913 ตารางเมตร และมีพื้นที่เช่า 212,324 ตารางเมตร ส่วนในอิตาลีมีการขยายธุรกิจใน 8 เมืองมีสาขาทั้งหมด 9 แห่ง และพื้นที่ขาย 59,871 ตารางเมตร

สำหรับรายได้ของเซ็นทรัล รีเทล 71-72% มาจากประเทศไทย 20% มาจากเวียดนาม และที่เหลือมาจากอิตาลี โดยรายได้ถึง 38% มาจากธุรกิจฟู้ดส์ แฟชั่น 28-30% และที่เหลือเป็นฮาร์ดไลน์และพร็อพเพอร์ตี้

นอกจากแผนการขยายสาขาแล้ว ในปี 2567 นี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังได้วางกลยุทธ์การบริหารธุรกิจทุกกลุ่มของบริษัท ภายใต้คอนเซ็ปต์ของ Leading Excellence and Advancing Sustainability ตอกย้ำการเป็นเบอร์ 1 ด้วยผลประกอบการและผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมในทุกมิติ รวมทั้งมีการวางกลยุทธ์เรื่องการสร้างความยั่งยืน ให้เข้มข้นไปอีกขั้น

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles