ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ชาวต่างประเทศที่ซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยมีสัญญาณของการชะลอตัวลงอย่างชัดเจนแล้ว โดยนับตั้งแต่มกราคมจนถึงมิถุนายนของปีนี้หรือใน 6 เดือนแรกของปีนี้ พบว่า ชาวจีนมียอดซื้อคอนโดมิเนียมในไทยตกต่ำลง -17% สอดคล้องกับชาวรัสเซียมียอดซื้อคอนโดมิเนียมในไทยสุดต่ำลงถึง -19% ในขณะที่สิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ผ่านไปพบว่า การซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างประเทศลดลง เหลือเพียง 3.324 ยูนิต หรือตกต่ำลงถึง -6% สอดรับกับในแง่มูลค่าลดต่ำลงเหลือเพียง 14,800 ล้านบาท หรือหดหายไปถึง -18% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสที่ 2ในปี 2023 ผ่านมา
สาเหตุของการชะลอตัวในแง่กำลังซื้อของชาวต่างประเทศกับคอนโดมิเนียมในประเทศไทย โดยเฉพาะชาวจีนซึ่งอยู่ในอันดับ 1 ของลูกค้าต่างประเทศ และมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของการซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยนั้น เป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจของจีนในขณะนี้ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มไม่สามารถจะฟื้นตัวได้ในระยะอันใกล้เลยแม้แต่น้อย ด้านธนาคารยักษ์ใหญ่ระดับโลกในต่างประเทศ เช่น ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ธนาคารยูบีเอส เอจี ล้วนปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนถึง 2 ปีติดต่อกัน โดยเฉพาะในปีนี้และปีหน้า ตัวเลขจีพีพีจีนไม่สามารถขยายตัวเกินกว่า 5% ได้ในทั้ง 2 ปี
นอกจากนี้ จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย พบว่า อีกหนึ่งปัจจัยลบที่ฉุดกำลังซื้อของชาวจีนในการซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทย เนื่องจากมีรายงานที่ชัดเจนว่ารัฐบาลจีนมีการตรวจสอบและกวาดล้างเส้นทางทางการเงิน และการโอนเงินของชาวจีนที่โอนเงินจากจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านไปยังฮ่องกงเพื่อที่จะซื้อคอนโดคอนโดมิเนียมในประเทศไทย
แหล่งข่าวจากรัฐบาลไทย เปิดเผยว่า ยอดการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติในประเทศไทยที่ลดต่ำลง ทั้งในเฉพาะไตรมาสที่ 2 และตั้งแต่ต้นปีจนถึงช่วงกลางปีนี้ ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมาย
ทั้งนี้ คอลลิเออร์ส ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่าขณะนี้ปริมาณของคอนโดมิเนียมสร้างใหม่ในกรุงเทพมหานครตกต่ำลงมากถึง -44% โดยคอนโดมิเนียมสร้างใหม่เปิดขายในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เพียง 8,674 ยูนิต