นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ไม่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ละเมิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง พร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะว่ากระบวนการตามกฎหมายนั้น ทาง ครม.ตั้งรับฟัง ซึ่งตนต้องยุติการทำงานตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และกลับไปที่รัฐสภา เตรียมประชุมเพื่อคัดเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และตั้ง ครม.ชุดใหม่ ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยอมรับโครงการที่ยังคงค้างก็ได้รับผลกระทบ หากนโยบายใดหรือโครงการใดยังค้างอยู่ ยังไม่ได้รับการอนุมัติก็ต้องสะดุด ติดขัดเป็นเรื่องธรรมดา ขณะที่กระบวนการหลังจากมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว ก็จะมีกระบวนการแถลงนโยบายของ ครม.ชุดใหม่ ซึ่งต้องไปดูว่านโยบายที่จะนำไปแถลงต่อรัฐสภามีอะไรบ้าง
ส่วนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่คาดว่าจะเริ่มในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 นั้น คงต้องสะดุดแน่ๆ และก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะไม่รู้จะได้กลับมาทำงานนี้ต่อหรือไม่ ส่วนพรรคเพื่อไทยจะสานต่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ นั้นต้องรอมติของทางพรรคเพื่อไทยก่อน เพราะว่ายังไม่ทราบว่าหลังจากนี้รูปแบบของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร พรรคใดจะเข้าร่วมรัฐบาลบ้าง ยังไม่สมารถตอบได้ และยังต้องมีการหารือภายในพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะทำนโยบายใดบ้าง ซึ่งในการตั้งรัฐบาลนี้ก็ต้องมีพรรคเพื่อไทยอยู่ในพรรคร่วมด้วย คาดว่ากระบวนการจัดตั้งรัฐบาลน่าจะไม่นาน เพราะรัฐสภายังทำหน้าที่อยู่ คาดว่าไม่เกิด 1-2 สัปดาห์ ก็จะได้เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ขณะที่ความเห็นว่าจะเป็นโอกาสที่รัฐบาลจะพับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตลงไปเลยหรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยืนยันว่ารัฐบาลยังไม่มีความคิดในลักษณะนี้ ขออย่าเพิ่งคิดล่วงหน้ากันไปเลย
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจนั้น แน่นอนว่ากระทบกับความเชื่อมั่นของประชาชน ทำให้การจับจ่ายใช้สอยชะลอลง ซึ่งขณะนี้ตัวเลขเศรษฐกิจก็ยังไม่ดีมากนั้น ประกอบกับเรื่องของการเมืองที่มีความไม่แน่นอน ก็ทำให้เกิดผลกระทบในทางลบ ทำให้การหมุนของเศรษฐกิจชะลอไประยะหนึ่ง แต่สุดท้ายนั้น การเมืองไม่ได้ถึงทางตัน จะต้องกลับมาเดินต่อ และเมื่อมีความชัดเจนแล้ว ก็เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย กลับมาเป็นปกติ