วันนี้ 15 มีนาคม 2567 นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบหารือผู้แทนระดับสูงของสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เพื่อเน้นย้ำความเอาจริงเอาจังของรัฐบาลไทยในการป้องกันและแก้ไขปัญหาคนไทยจำนวนมากพำนักเกินระยะเวลาที่ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราเข้าญี่ปุ่น 15 วัน
สถานการณ์ปัญหาและข้อห่วงกังวลของฝ่ายญี่ปุ่นในประเด็นดังกล่าว จนอาจส่งผลให้ฝ่ายญี่ปุ่นอาจ “พิจารณาทบทวนการต่ออายุมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราเข้าญี่ปุ่น 15 วัน” หรือ ฟรีวีซ่าญี่ปุ่น สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางไทย ในช่วงต้นปี 2568 นั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้สั่งการให้กรมการกงสุลเร่งประสานงานและบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันหามาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ตั้งแต่ต้นทางที่ผ่านมา
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้แจ้งฝ่ายญี่ปุ่นด้วยว่า ควรพิจารณาแบ่งกลุ่มคนไทยที่เดินทางไปญี่ปุ่นออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่เป็นนักท่องเที่ยวที่แท้จริงและชื่นชอบญี่ปุ่น ซึ่งพร้อมปฏิบัติตามกฎระเบียบกับกลุ่มคนที่มุ่งหวังจากเข้าไปลักลอบทำงาน ซึ่งมีส่วนน้อยและเป็นกลุ่มที่ไทยกับญี่ปุ่นต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหา
ผู้แทนระดับสูงของฝ่ายญี่ปุ่น เห็นด้วยกับแนวคิดของรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ และชื่นชมความพยายามในการแก้ไขปัญหาของฝ่ายไทย ฝ่ายญี่ปุ่นเห็นว่า นักท่องเที่ยวไทยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความสำคัญมาโดยตลอด ในส่วนของกลุ่มคนที่เข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย เป็นกลุ่มคนที่เปราะบางและประสบความยากลำบากในการใช้ชีวิตเช่นกัน ไทยกับญี่ปุ่นจึงต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้ด้วย โดยฝ่ายญี่ปุ่นจะนำข้อมูลการดำเนินการของฝ่ายไทยที่ได้จากการหารือในวันนี้ และข้อเสนอของรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ที่จะหารือกับกระทรวงแรงงานในการแก้ไขปัญหาผู้ลักลอบทำงานตั้งแต่ต้นตอ ไปรายงานให้กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นทราบ
ทั้งนี้ การพิจารณาทบทวนการยกเว้นการตรวจลงตราเข้าญี่ปุ่นในปี 2568 เป็นไปตามวงรอบประจำทุก 3 ปี เมื่อคำนึงว่าฝ่ายญี่ปุ่นมีท่าทีตอบรับต่อความพยายามของฝ่ายไทยในการป้องกันและแก้ไขปัญหาคนไทยพำนักเกินระยะเวลาที่ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราเข้าญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีในการต่ออายุมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราเข้าญี่ปุ่น 15 วัน สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางไทย กระทรวงการต่างประเทศจึงขอความร่วมมือคนไทยที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นร่วมกันรักษาและเคารพกฎระเบียบ รวมถึงมารยาทของญี่ปุ่นเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมและเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย