ธนาคารธนาคารดอยซ์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารยักษใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี และชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่า ได้ปรับขึ้นราคาคาดการณ์ ทองคำโลก จากเดิมอีกครั้งโดยคาดการณ์ราคาทองคำสิ้นปี 2024 นี้ที่ระดับ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และปรับขึ้นราคาทองคำในเดือนธันวาคมสิ้นปี 2025 ที่ระดับ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เนื่องจากปัจจัยกระแสการลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์โลหะมีค่า ปัญหาความขัดแย้งที่ยืดเยื้อในภูมิภาคหลายแห่ง โดยเฉพาะตะวันออกกลาง และความต้องการของธนาคารกลางทั่วโลกในการซื้อทองคำสะสมในทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มต่อเนื่อง
ธนาคารธนาคารดอยซ์แบงก์ ระบุต่อไปว่า ทองคำมีความเป็นไปได้สูงที่จะยังคงเป็นเครื่องมือในการลงทุนต่อเนื่อง หลังจากนักลงทุนที่สลับขายทำกำไรทองคำไปในช่วงก่อนหน้านี้ ได้ถูกแทนที่ด้วยนักลงทุนที่เตรียมจะเพิ่มพอร์ตลงทุนทองคำเพิ่มขึ้นจากเดิมท่ามกลางจิตวิทยาทางบวกในตลาดทองคำโลก
ในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมา นายอาคาช โดชิ หัวหน้านักวิเคราะห์ สินค้าโภคภัณฑ์ ภูมิภาคอเมริกาเหนือ ธนาคารซิตี้กรุ๊ป (Citi) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ยักษ์ใหญ่ระดับโลก เปิดเผยว่า ได้ปรับขึ้นราคาต่ำสุดเมื่อมีการปรับฐาน หรือราคาฟลอร์ของทองคำตลาดโลกจากเดิมที่ระดับ 1,000 เป็น 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำที่มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นนั้น ยังคงมองว่าภายใน 6-18 เดือนจากนี้ไป จะมีราคาขึ้นแตะที่ระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
มิเชล วิดเมอร์ นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ ธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา หรือ BOA ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ได้ปรับขึ้นราคาคาดการณ์ทองคำตลาดโลกอีก 600 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ส่งผลให้ภายในปี 2025 ราคาคาดการณ์ทองคำตลาดโลกถูกปรับขึ้นจากเดิมที่ระดับ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขึ้นมาเป็น 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
สาเหตุจากราคาทองคำโลกมีความยืดหยุ่นสูงมาก โดยเฉพาะมีราคาปรับสูงขึ้นอย่างน่าทึ่งในช่วงหลายเดือนผ่านมาท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา ที่ทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนแผ่นดินใหญ่ซื้อทองคำสะสมมีทั้งปริมาณและมูลค่าเพิ่มสูงต่อเนื่องจากปีที่แล้วมาถึงปัจจุบัน รวมถึงแนวโน้มการลดดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดในปีนี้
ขณะที่ เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2024 ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ยักษ์ใหญ่ธนาคารพาณิชย์ชื่อดังระดับโลกในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ได้ปรับขึ้นราคาทองคำโลกสิ้นปีนี้จากเดิมที่ระดับ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ มาเป็น 2,700 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 400 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์