นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนพฤษภาคม 2568 (สำรวจระหว่างวันที่ 19-31 พฤษภาคม 2568) พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับขึ้นมาอยู่ในเกณฑ์ ทรงตัว” ที่ระดับ 110.36 นักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการไหลเข้าของเงินทุน ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ รองลงมาคือสงครามการค้า และความกังวลต่อวินัยการคลัง
โดยดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (สิงหาคม 2568) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80-119) ที่ระดับ 36
ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล และกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ อยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” กลุ่มกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”
ขณะที่ หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK) ส่วนหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดยานยนต์ (AUTO)
ทั้งนี้ ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และ ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ผลสำรวจ ณ เดือนพฤษภาคม 2568 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับเพิ่ม 38.5% อยู่ที่ระดับ 59.09 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 25.0% อยู่ที่ระดับ 75.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 15.9% อยู่ที่ระดับ 110.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับเพิ่ม 125.0% อยู่ที่ระดับ 150.00
ซึ่ง ในเดือนพฤษภาคม 2568 ตลาดทุนไทยยังคงเผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ แม้จะมีสัญญาณฟื้นตัวบางประการจากเดือนก่อนหน้า อาทิ การผ่อนคลายนโยบายการค้าสหรัฐฯ แต่ตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศยังขยายตัวต่ำกว่าคาด โดยสภาพัฒน์ฯ ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 เหลือเพียง 1.8% จากเดิมที่ประมาณการไว้ 2.8% รวมถึงการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 1/2568 ขยายตัวเพียง 2.6% และการผลิตของภาคอุตสาหกรรม 5 ไตรมาสล่าสุดขยายตัวเฉลี่ยเพียง 0.5% โดย SET Index ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 ปิดที่ 1,149.18 ปรับตัวลดลง 4% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ 42,474 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 16,182 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี 2568 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 70,749 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศยังคงต้องติดตามนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวจากผลของสงครามการค้า สถานการณ์เงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอาจส่งผลให้ธนาคารกลางในประเทศเศรษฐกิจหลัก ไม่สามารถปรับลดดอกเบี้ยได้ตามคาด ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล และการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นไปอย่างล่าช้าโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน