วันนี้ 7 เมษายน 2025 เวลา 6.00 น. ตามเวลาไทย ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2025 เวลา 19.00 น. ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า ดัชนีหุ้นล่วงหน้าของทั้ง 3 ดัชนีหุ้นสำคัญในตลาดนิวยอร์ก สหรัฐสำหรับชี้แนวโน้มการเปิดการซื้อขายหุ้น ในวันจันทร์ที่ 7 เมษายน 2025 ตามเวลาในสหรัฐนั้น พบว่า ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดำดิ่งรุนแรง -1,642 จุด หรือ -4.26% เคลื่อนไหวที่ระดับ 36,888 จุด ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ดำดิ่งรุนแรง -241 จุด หรือ -4.73% เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,868 จุด และดัชนีหุ้นนาสแดคตกต่ำรุนแรง -903 จุด หรือ -5.15% เคลื่อนไหวที่ระดับ 16,635 จุด
สาเหตุจากนักลงทุนยังคงสูญเสียและขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ อย่างต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่แล้วซึ่งเกิดภาวะการถล่มเทขายหุ้นใน 2 วันทำการติดต่อกัน ซึ่งได้แก่ วันพฤหัสบดีที่ 3 และวันศุกร์ที่ 4 เมษายน จากพผลพวงของสงครามภาษีทั่วโลกนำโดยจีนประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าสูงถึง 34% กับสารัทธ์อเมริกามีผลในวันที่ 10 เมษายนนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยสรุปคือ รัฐบาลสหรัฐไม่มีการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเก็บอัตราภาษีดังกล่าว
ขณะที่มูลค่าความเสียหายของตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 3 ถึงวันศุกร์ที่ 4 เมษายน 2025 ที่ผ่านมา มีมูลค่าความเสียหายรวมกันทั้งสิ้น 7.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 255.3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ เสียหายรวม 5.87 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 202.5 ล้านล้านบาท และที่เหลือเป็นของตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลกรวม 1.59 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 54.9 ล้านล้านบาท
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 38,814 จุด -2,231 จุด หรือ -5.50% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,074 จุด -322 จุด หรือ -5.97% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 15,587 จุด -962 จุด หรือ -582% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดดำดิ่งลงเหวถึง 2 วันติดกันรวม -3,910 จุด, -596 จุด และ -2,012 จุดตามลำดับ หรือ -5.50%, -10.81% และ -11.79% ตามลำดับ
มูลค่าตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันศุกร์ผ่านไปคิดจากดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 เสียหายถึง 3.08 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 106.3 ล้านล้านบาท ส่งผลให้เสียหายรวม 2 วันตั้งแต่วันพฤหัสบดีและวันศุกร์ติดกันถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 172.5 ล้านล้านบาท ไม่เพียงทำสถิติเสียหาย 2 วันติดกันมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นสหรัฐ แต่ยังทำลายสถิติเดิมของหุ้นเสียหาย 2 วันติดกันในเดือนมีนาคม 2020 ซึ่งเป็นมูลค่าสูงถึง 3.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 113.9 ล้านล้านบาท เป็นผลจากวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในช่วงเวลานั้น
สำหรับดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดำดิ่งถึง -2,231 จุด หรือ -5.50% ทำสถิติดำดิ่งใน 1 วันที่เลวร้ายสุดในรอบ 4 ปี 9 เดือน หรือตั้งแต่มิถุนายน 2020 หรือนับตั้งแต่ในช่วงเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ นับเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ดัชนีหุ้นดังกล่าวดำดิ่งร่วงเกินวันละ 1,500 จุดต่อเนื่องถึง 2 วันติดกัน โดยในวันที่ 3 เม.ย. ร่วง -1,679 จุด และวันที่ 4 เม.ย.ร่วง -2,231 จุด ดัชนีหุ้นดังกล่าวเข้าสู่ภาวะปรับฐานสมบูรณ์แบบ หรือ Correction หลังจากดิ่งมากเกิน -10% เมื่อเทียบจากวันที่ 4 ธ.ค. 2024 ซึ่งทำปิดที่ 45,014.04 จุด ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของดัชนีหุ้นดาวโจนส์
สำหรับดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดดิ่งแรง -322 จุด หรือ -5.97% ทำสถิติดัชนีหุ้นดิ่งแรงใน 1 วันที่เลวร้ายสุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่มี.ค. 2020 หรือนับตั้งแต่ในช่วงเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นดังกล่าวไม่เพียงเข้าสู่ภาวะปรับฐานสมบูรณ์แบบ หรือ Correction แต่ใกล้เข้าภาวะตลาดหมี หรือ Bear Market เนื่องจากปิดทรุด 2 วันติดกันมากถึง -17% เมื่อเทียบจากสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500
สำหรับดัชนีหุ้นนาสแดคปิดดิ่งแรง -962 จุด หรือ -582% และเมื่อรวมกับวันที่ 3 เม.ย.ที่ปิดดิ่งถึง -1,050 จุด หรือ -11.79% ส่งผลเข้าภาวะตลาดหมี หรือ Bear Market เนื่องจากปิดทรุดรวม 2 วันติดกันมากถึง -22% เมื่อเทียบจากวันที่ 16 ธ.ค. 2024 ซึ่งปิดที่ 20,173.89 จุด ทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของดัชนีหุ้นดังกล่าว
ขณะที่เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติดำดิ่งเหวใน 1 วันเลวร้ายสุดในรอบ 4 ปี 9 เดือน หรือตั้งแต่มิถุนายนปี 2020 หรือตั้งแต่วิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ยังทำสถิติปิดต่ำสุดตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ ชะนะเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พ.ย. 2024 หรือในรอบเกือบ 5 เดือน ส่วนดัชนีหุ้นนาสแดคทำสถิติดำดิ่งใน 1 วันเลวร้ายสุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ มี.ค.ปี 2020 หรือตั้งแต่วิกฤตโรคระบาดโควิด-19