ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า วันนี้ 9 เมษายน 2025 เวลา 7.20 น. (ตามเวลาในสหรัฐ) ซึ่งตรงกับเวลา 18:20 น. ตามเวลาไทย พบว่า ดัชนีหุ้นล่วงหน้า (Future) ในตลาดหุ้นนิวยอร์กดำดิ่งลง ดังนี้ ดาวโจนส์ล่วงหน้าเคลื่อนไหวที่ระดับ 37,160 จุด -702 จุด หรือ -1.85% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ล่วงหน้า เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,936 จุด -84 จุด หรือ -1.67% และดัชนีหุ้นนาสแดคล่วงหน้า เคลื่อนไหวที่ 17,012 จุด -231 จุด หรือ -1.34%
สาเหตุจากนายหลาน โฟอัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประเทศจีน แถลงประกาศใช้มาตรการอัตราภาษีนำเข้าสูงขึ้น 50% จากเดิมที่ได้ประกาศไปให้ขึ้น 34% รวมเป็นขึ้นภาษี 84% กับสินค้าทุกชนิดที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นการตอบโต้หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประกาศขึ้นภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariifs สูงขึ้นอีก 50% ส่งผลให้อัตราภาษีรวมขึ้นถึง 104% กับสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีนทั้งนี้มาตรการตอบโต้ของกระทรวงการคลังจีนจะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2025 เป็นต้นไป
ในคืนผ่านมา วันที่ 8 เมษายน 2025 ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 37,645 จุด -320 จุด หรือ -0.84% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,982 จุด -79 จุด หรือ -1.57% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 15,267 จุด -335 จุด หรือ -2.15% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 2 แห่ง ปิดดำดิ่งลงเหวถึง 4 วันติดกันรวม -4,579 จุด และ -686 จุด ตามลำดับ
สาเหตุจากนางแคโรไลน์ ลีวิทท์ โฆษกทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา เปิดแถลงว่า อัตราภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ให้เก็บเพิ่มขึ้นอีก 50% กับสินค้าทุกชนิดจากประเทศจีน รวมอัตราภาษีดังกล่าวเป็น 104% มีผลบังคับใช้วันนี้ 8 เมษายน 2025 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ตามเวลาของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยจะเริ่มเก็บรายได้จากอัตราภาษีดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2025 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป เนื่องจากรัฐบาลจีนไม่ยกเลิกมาตรการเก็บภาษีตอบโต้ในอัตราเพิ่มขึ้น 34% กับสินค้าสหรัฐอเมริกาตามระยะเวลาที่ประธานาธิบดีสหรัฐกำหนดไว้ภายในวันที่ 8 เมษายน 2025 ตามเวลาสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าหากจีนไม่ถอนการตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสูง 34% กับสหรัฐภายในวันที่ 8 เมษายน สหรัฐจะขึ้นภาษีนำเข้าสูงอีก 50% กับจีน ให้มีผลวันที่ 9 เมษายนนี้
ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ซึ่งเป็นดัชนีที่จดทะเบียนบริษัทที่มีขนาดใหญ่ 500 อันดับแรกของประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ปิดที่ระดับ 4,982 จุด -79 จุด หรือ -1.57% ทำให้ ดัชนีหุ้นดังกล่าวปิดระดับ 5,000 จุด เป็นครั้งแรกในรอบปีนี้
นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ดัชนีหุ้นดังกล่าวปิดดำดิ่งลงเหวถึง 4 วันติดกัน -686 จุด ไม่เพียงทำให้มูลค่าตลาดหุ้นนิวยอร์กสหรัฐเสียหายใน 4 วันทำการติดกันรวมกันถึง 5.83 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 201.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังทำสถิติความเสียหายของดัชนีหุ้นดังกล่าวปิดดำดิ่งลงเหวถึง 4 วันติดกันนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งและใช้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ในเดือนมีนาคมปี 1957 หรือในรอบ 68 ปีผ่านมา
ที่สำคัญ ในแง่เปอร์เซ็นต์ของดัชนีหุ้นดังกล่าวดำดิ่งลงนั้น ปรากฏว่า ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ดำดิ่งอย่างรุนแรงใน 4 วันทำการติดต่อกันรวมกว่า -12% นับตั้งแต่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศอัตราภาษีต่างตอบแทนหรือ Reciprocal Tariffs ตั้งแต่เมื่อช่วง 4 วันที่ผ่านมา นั่นหมายถึงทำสถิติส่วนต่างดัชนีในแง่เปอร์เซ็นต์ทรุดหนักรุนแรงในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดตลาดในคืนผ่านมาที่ระดับ 4,982 จุด ทำให้กำลังเข้าใกล้สู่ภาวะตลาดหมี หรือ Bear Market เนื่องจากดัชนีดำดิ่งสะสมรวมมาถึง -19% เมื่อเทียบกับค่าดัชนีดังกล่าวที่ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ในช่วงที่ผ่านมา