บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย เปิดเผยว่า หุ้นไทย ปรับตัวลงช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์เนื่องจากเผชิญแรงขายทำกำไร หลังตลาดตอบรับปัจจัยบวกในประเทศอย่างประเด็นการจัดตั้งรัฐบาลและกองทุนรวมวายุภักษ์ไปพอสมควรแล้ว ทั้งนี้หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงนำตลาดเนื่องจากมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลง หลังโอเปกปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกปีนี้และปีหน้าลง
โดยดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ท่ามกลางแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ตามการปรับตัวขึ้นของหุ้นภูมิภาคจากการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในสัปดาห์หน้า โดยมีแรงซื้อคืนหุ้นหลายกลุ่ม นำโดย แบงก์ ไฟแนนซ์และเทคโนโลยี อย่างไรก็ดีกรอบการปรับขึ้นเริ่มจำกัดในช่วงท้ายสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนรอติดตามผลการประชุมเฟด รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลรวมถึงสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือ
เมื่อวันศุกร์ที่ 13 ก.ย. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,424.39 จุด ลดลง 0.23% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 65,359.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.61% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 2.01% มาปิดที่ระดับ 351.58 จุด
สำหรับ สัปดาห์นี้ (16-20 ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,410 และ 1,400 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,440 และ 1,450 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (17-18 ก.ย.) และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสอง เดือนส.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOE และ BOJ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค.ของ อังกฤษยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนก.ย. ของจีน