ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย ทองคำ กล่าวว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ส.ค.) ราคาทองคำ gold spot ได้พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดตลอดกาลใหม่ หรือ all time high (ATH) ที่ระดับ 2,508 ดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับผลวิจัยทองคำเดือนสิงหาคม 2567 ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 72.98 เพิ่มขึ้น 3.82 จุด หรือคิดเป็น 5.52% เมื่อเทียบกับเดือน กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมาที่ระดับ 69.16 จุด
สาเหตุมาจากความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่ตะวันออกกลาง และรัสเซีย–ยูเครน รวมถึงความกังวลเรื่องของภาวะเศรษฐกิจถดถอย และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมถึงแรงซื้อเก็งกำไร
ทั้งนี้ ผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่ และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำในประเทศไทย 13 ราย
คาดการณ์กรอบราคาทองคำ gold spot เดือนสิงหาคมเฉลี่ยบริเวณ 2,379 – 2,500 ดอลลาร์ ซึ่งแม้ว่าราคาจะพุ่งทะลุเกินขึ้นไปแต่ก็ต้องมาดูว่า จะสามารถยืนเหนือแนวดังกล่าวได้หรือไม่
ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 39,900 – 42,000 บาท
โดยเมื่อวานนี้ได้ขึ้นมาแตะระดับ 41,000 บาทแล้ว แต่ต้องยอมรับว่าการจะขึ้นไปแตะระดับ 42,000 บาท และทะลุจุดสูงสดเดิมที่ 42,200 บาท ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นมามาก
ล่าสุดไปแตะระดับ 34.59 บาทต่อดอลลาร์แล้ว และยังคงอยู่นแนวโน้มแข็งค่า เนื่องจากเงินดอลลาร์ได้ปรับตัวอ่อนค่า รวมถึงได้แรงหนุนหลังการเมืองไทยเริ่มนิ่ง
ส่วนการคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงหลังจากนี้ น่าจะเป็นลักษณะของ sideway up โดยแนวต้านแรกจะอยู่แถว 2,530 ดอลลาร์ แนวต้านถัดไปอยู่ที่ 2,550 ดอลลาร์ และเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 2,600 ดอลลาร์ ซึ่งมีโอกาสจะได้เห็นภายในปีนี้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังเป็นการย่อซื้อ ขณะที่แนวรับแรกก็คือ 2,483 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไป 2,450 ดอลลาร์ แต่ในส่วนราคาทองคำไทย แนวรับแรกแถว 40,500 บาท แต่หากคนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจจะแบ่งเข้าซื้อแถว 40,700 บาท ส่วนแนวต้านแรกอยู่ที่ 41,500 บาท และแนวต้านถัดไป 42,000 บาท ซึ่งเป้าหมายสูงสุดคือ การทะลุจุดสูงสุดเดิมที่ 42,200 บาท แต่นรอบนี้ต้องยอมรับว่าโอกาสจะเป็นไปได้ยาก เพราะต้องช้เงินบาทอ่อนค่าเช้ามาช่วยด้วย