นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจากนายสกรรจ์ แสนโสภา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงรูปแบบการทำธุรกิจตลาด “ หม้อไฟ ” ในจีน เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในจีนหรือร้านอาหารทั่วไป นำไปปรับใช้ในการทำธุรกิจ และเพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้า
ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้รายงานข้อมูลว่า ปัจจุบันร้านหม้อไฟในจีน มีการนำเสนอรูปแบบการทำธุรกิจที่หลากหลาย และแม้จะขายหม้อไฟอย่างชัดเจน แต่ได้มีการเปิดตลาดอาหารที่ไม่เกี่ยวกับหม้อไฟ ขายขนม เครื่องดื่มที่มีลักษณะที่น่าดึงดูดใจไปพร้อม ๆ กันด้วย และยังได้มีการนำเสนออะไรที่น่าสนใจมีมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือไม่เกี่ยวอะไรกับประสบการณ์การกินเลย เช่น การเต้น การทำเล็บ ขัดรองเท้า ทำให้เกิดกระแสทางออนไลน์ และธุรกิจมีคนรู้จักเพิ่มขึ้น ขายได้มากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น หม้อไฟแบรนด์ Haidilao จากเสฉวน ที่ได้เริ่มเปิดสาขาในเมืองซีอาน เจิ้งโจว เซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง จากร้านอาหารหม้อไฟธรรมดา ๆ กลายเป็นคำค้นหาในโลกโซเชียลที่ร้อนแรงครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยบริการตั้งแต่การผูกผม แจกของเล่นไปจนถึงทำเล็บ ขัดรองเท้า หรือดูแลเด็กน้อย และล่าสุดมีการเต้นบอยแบรนด์ ส่วนร้านหม้อไฟอื่น ๆ ได้มีการปรับรูปแบบการตกแต่งร้าน เช่น สไตล์แคมปิ้ง สไตล์ถ้ำ สไตล์ไนต์คลับ หรือบางแห่งเริ่มเปิดที่ดาดฟ้า ยอดเขา ริมแม่น้ำ ริมทะเลสาบ ฟาร์ม รวมทั้งมีการเปิดร้านชานม ร้านขนมหวาน อาหารตุ๋น แผงขายบาร์บีคิว และร้านเหล้า เป็นต้น
“ถ้าพิจารณาจากข้อมูลข้างต้น รูปแบบอุตสาหกรรมร้านอาหารได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการแข่งขันกันทางตลาดที่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรสชาติ วัตถุดิบที่สดสะอาด การตกแต่งร้าน การบริการครบวงจร การคิดค้นขนม เครื่องดื่มในร้าน หรือแม้กระทั่งการแสดงโชว์ ก็มีผลต่อการเลือกบริโภคของชาวจีน ดังนั้น ผู้ประกอบการร้านอาหารไทยไทย สามารถเรียนรู้จากแนวทางทำธุรกิจของร้านอาหารจีนต่าง ๆ เพื่อไปประยุกต์ใช้ในกิจการตัวเอง และควรศึกษาวัฒนธรรม ความเชื่อ พฤติกรรมการเลือกบริโภคและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดด้วย”นายภูสิตกล่าว