นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า เมื่อพิจารณาจากจำนวนค่าเฉลี่ยของการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในปี 2566 พบว่าเฉลี่ยอยู่ที่ไตรมาสละ 3,600 หน่วย ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด- 19 ที่มีจำนวนเฉลี่ยไตรมาสละ 3,300 หน่วย ดังนั้น สถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ขณะที่จำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ของห้องชุดของคนต่างชาติในปี 2566 ที่ผ่านมา มีการปรับเพิ่มขึ้นของสัดส่วนหน่วยและมูลค่า เมื่อเที่ยบกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั้งระบบ โดยเพิ่มเป็น 13.4% และ 24.0% ตามลำดับ จากเดิมในปี 2565 ที่ 10.8% และ 20.5% ตามลำดับ
ในปี 2566 จำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ของคนต่างชาติรวมทั้งหมดมี 14,449 หน่วย และมีมูลค่า 73,161 ล้านบาท เมื่อมองหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในรายจังหวัด พบว่าอันดับ 1 ชลบุรี จำนวน 5,935 หน่วย หรือ 41.1% อันดับ 2 กรุงเทพฯ จำนวน 5,484 หน่วย หรือ 38.0% ของการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติ ดังนั้น ทั้ง 2 จังหวัดมีสัดส่วนจำนวนหน่วยรวมกันสูงถึง 79.0% และมูลค่ารวมกันสูงถึง 85.4%
ที่น่าสนใจ คือ จังหวัดชลบุรีเป็นอันดับ 1 แซงกรุงเทพมหาครในปี 2566 ซึ่งในอดีตผ่านมานั้น โดยเฉพาะในช่วงระหว่างปี 2561-2565 นั้น กรุงเทพมหานครเป็นจังหวัดที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์ของคนต่างชาติมาเป็นอันดับหนึ่งมาก่อน
กลุ่มคนต่างประเทศที่รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในปี 2566 พบว่า อันดับ 1 ชาวจีน มีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 6,614 หน่วย หรือ 45.8% อันดับ 2 รัสเซีย โอนทั้งหมดจำนวน 1,260 หน่วย หรือ 8.7% อันดับ 3 สหรัฐอเมริกาจำนวน 631 หน่วย หรือ 4.4% อันดับ 4 เมียนมาจำนวน 564 หน่วย หรือ 3.9% และอันดับ 5 ไต้หวันจำนวน 532 หน่วย หรือ 3.7% ในขณะที่ หากพิจารณาในอดีตตั้งแต่ปี 2561-2565 พบว่า ชาวต่างชาติที่มีจำนวนหน่วยสะสมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส
ในแง่มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั่วประเทศให้คนต่างชาติในปี 2566 ปรากฏว่า อันดับ 1 จีน มูลค่าสูงสุด จำนวน 34,132 ล้านบาท หรือ 46.7% อันดับ 2 รัสเซีย 4,455 ล้านบาท คิดเป็น 6.1% อันดับ 3 เมียนมา 3,707 ล้านบาท หรือ 5.1% อันดับ 4 สหรัฐอเมริกา 3,227 ล้านบาท หรือ 4.4% และอันดับ 5 ไต้หวัน 2,908 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.0
ทั้งนี้ ชาวจีนเป็นชาวต่างชาติที่ครองอันดับ 1 ทั้งจำนวนหน่วย 45.8% และมูลค่าการโอน 46.7% ของคอนโดมิเนียม ขณะที่ชาวเมียนมามีการโอนห้องชุดที่มีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยสูงสุดที่ 6.6 ล้านบาท
