ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2024 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,510.35 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +8.61 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.3% ส่งผลทำสถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ นอกจากนี้ ยังมีสถิติราคาสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่ระดับ 2,531.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สำหรับราคาทองคำส่งมอบทันที Spot Gold ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เดิมอยู่ที่ 2,509.65 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมผ่านมา
ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 2,550.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +9.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.4% ส่งผลทำสถิติทั้งราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ นอกส่งผลจากนี้ ยังส่งผลราคาปิดขึ้น 4 วันติดกันรวม +72.10 หรือ +2.8%
ในเดือนสิงหาคม 2024 นี้ ราคาทองคำปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ถึง 5 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 20 ปิดที่ 2,550.60 วันที่ 19 ปิด 2,541.30 วันที่ 16 ปิดที่ 2,537.80 วันที่ 13 ปิดที่ 2,507.80 วันที่ 12 ปิดที่ 2,504 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาทองคำทะยาน +22%
ราคาทองคำตลาดโลกในสัปดาห์ผ่านไป ปิดเพิ่มขึ้น +2.8% ทำาถิติราคาทองคำรายสัปดาห์ปิดเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนเป็นต้นมา นอกจากนี้ ทองคำปิดในเดือนกรกฎาคมพุ่งสูงกว่า 4% ทำสถิติราคาทองคำรายเดือนมากที่สุดในรอบ 4 เดือน หรือตั้งแต่มีนาคมเป็นต้นมา
สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงทรงตัว ใกล้เคียงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐรายสัปดาห์ที่อ่อนค่าลงถึง 4 สัปดาห์ต่อเนื่อง ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น อายุ 10 ปี ลดลงเล็กน้อย ขณะที่ ราคาทองคำตลาดลอนดอน อังกฤษ เคลื่อนไหวที่ระดับ 2,521.55 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติราคาสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งทะยาน +22% มีแนวโน้มสูงที่จะทำสถิติผลตอบแทนราคาทองคำที่ดีที่สุดในรอบ 3 ปีกว่า หรือนับตั้งแต่ปี 2020 อย่างไรก็ตาม จากมุมมองในทางเทคนิค พบว่า ราคาทองคำโลกในปัจจุบันกำลังเข้าใกล้ภาวะราคาสูงเกินปัจจัยพื้นฐานจริง ซึ่งทำให้เกิดการซื้อทองคำมากเกินไป โดยสะท้อนจากค่าดัชนีราคาทองคำโดยเปรียบเทียบปัจจัยฐาน หรือ Gold Relative Strength Index ที่ขึ้นมาอยู่ระดับที่ 68 ซึ่งใกล้เข้าระดับ 70 ซึ่งเป็นโซนเริ่มต้นภาวะซื้อทองคำมากเกินราคาปัจจัยพื้นฐานจริง
ด้านกองทุนทองคำเอสพีดีอาร์ (SPDR) ซึ่งเป็นกองทุนทองคำอีทีเอฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า ถือครองทองคำสูงถึง 859 ตัน ทำสถิติมากที่สุดในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่มกราคมเป็นต้นมา ขณะที่กรมศุลกากร สวิสเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า ยอดส่งออกทองคำแท่งเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 4 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนเมษายนผ่านมา สาเหตุจากความต้องการซื้อนำเข้าจากอินเดีย และสหราชอาณาจักร
นักวิเคราะห์ประเมินว่า มีแนวโน้มสูงที่ธนาคารกลางกลุ่มยูโรจะลดดอกเบี้ยระยะสั้นในเดือนกันยายน ซึ่งตรงกับที่คาดการณ์กันมาเป็นเวลานานว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนกันยายนเช่นกัน นอกจากนี้ สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงมีน้ำหนักในปัจจัยที่ผลักดันราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากในเช้าวันศุกร์ของสัปดาห์ผ่านไปนั้น อิสราเอลประกาศอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ตอนใต้และตอนกลางของฉนวนกาซา ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยของมนุษยชาติ
นอกจากนี้ ในวันพุธนี้ นักลงทุนรอการเปิดเผยบันทึกการประชุมดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายผ่านมาของเฟด และในวันศุกร์นี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ จะขึ้นกล่าวปาฐกถาเกี่ยวกับมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐโดยเฉพาะมุมมองของดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในปัจจุบัน
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.5% ในเดือนกันยายนเป็น 36% จากเดิมที่ 54% ขณะที่ โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในธันวาคมอยู่ที่ 71.5% ลดลงจากเดิมที่ระดับ 77.5% หลังจากในช่วงเริ่ผ่านมา มีการประเมินว่าการลดดอกเบี้ยของเฟดครั้งแรกอาจเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน จากที่เคยให้น้ำหนักมาที่เดือนกันยายน