ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 81.47 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.1% ส่งผลหยุดราคาปิดขึ้น 2 วันติดกันรวม +3.12 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.9% ทำให้เป็นราคาน้ำมันดิบปิดสูงสุดในรอบ 1 เดือนกว่า หรือตั้งแต่สิ้นเดือนเมษายนผ่านมา
ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 85.27 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.06 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.1% ส่งผลหยุดราคาปิดขึ้น 2 วันติดกันรวม +2.91 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.3% ทำให้เป็นราคาน้ำมันดิบปิดสูงสุดในรอบ 1 เดือนกว่า หรือตั้งแต่เดือนเมษายนผ่านมา อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ยังห่างราว 90 ดอลลาร์สหรัฐจากราคาสูงสุดในเดือนเมษายนผ่านมา
ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 4% ส่งผลเป็นราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในแง่เปอร์เซ็นต์ที่ปิดสูงสุดในรอบ 1 เดือนกว่า หรือตั้งแต่เมษายนเป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังเป็นราคาปิดเป็นบวกในสัปดาห์แรกในรอบ 3 สัปดาห์ผ่านมาด้วย ย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคม ราคาน้ำมันดิบโลกทั้ง 2 แห่ง ปิดดิ่งลง -6% และ -7.1% ตามลำดับ ทำสถิติราคาปิดร่วงลงมากที่สุดในรอบ 6 เดือน หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายน 2023 ที่สำคัญ ยังเป็นราคาน้ำมันดิบรายเดือนที่แย่ที่สุดในปีนี้ด้วย
สาเหตุจากการทำกำไรช่วงสั้นๆของนักลงทุน หลังจากราคาเพิ่มขึ้นสูงเกือบ 4% ใน 2 วันก่อนหน้านั้นจากปัจจัยความตึงเครียดครั้งใหม่เกิดขึ้นระหว่างยูเครนกับรัสเซีย หลังจากโดรนติดขีปนาวุธของยูเครนโจมตีคลังน้ำมันดิบที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกในบริเวณท่าเรือเอโซว รัสเซีย เกิดไฟลุกไหม้เป็นวงกว้าง ท่าเรือดังกล่าวมีคลังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่จำนวน 2 คลัง ซึ่งส่งออกน้ำมัน 200,000 บาร์เรลในช่วงมกราคมถึงพฤษภาคมผ่านมา ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล เตือนว่าการตัดสินใจของอิสราเอลที่จะทำสงครามกับกลุ่มฮิสโบเลาะห์ กำลังจะมาถึงเร็วๆนี้ แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะพยายามทุกวิถีทางที่จะไม่ให้เกิดสงครามก็ตาม
นักลงทุนให้น้ำหนักกับกลุ่มโอเปกพลัส เปิดเผยว่า ความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกยังไม่มีจุดสูงสุดในระยะกลางหรือระยะยาว พร้อมปรับคาดการณ์ว่า ปริมาณบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มเป็น 116 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2045 และสำนักบริหารจัดการข้อมูลพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ อีไอเอ ปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกปี 2024 เป็นวันละ 1.10 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่วันละ 900,000 บาร์เรล
ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า ภาวะน้ำมันดิบตึงตัวจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 3 นี้ ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนในสหรัฐอเมริกาที่มักจะมีการใช้รถยนต์เป็นจำนวนมากมาย เนื่องจากเป็นช่วงท่องเที่ยวไฮซีซั่น และยังคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ จะขึ้นไปที่ระดับ 86 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาสที่ 3 นี้
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2022 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน และในปี 2022 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมัน มีผลวันที่ 20 มิถุนายน 2567 โดยขึ้นราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ขึ้น 30 สตางค์/ลิตร นับเป็นการขึ้นราคาครั้งแรกในรอบ 9 วันผ่านมา หรือตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2567 ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันที่แพงขึ้นในรอบ 3 สัปดาห์ หรือตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนผ่านมา