นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดธุรกิจรับสร้างบ้านในประเทศไทยในปี 2567 นี้ ยังมีความไม่แน่นอนสูงจากหลากหลายปัจจัย ได้แก่ ความท้าทายเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย หนี้ครัวเรือนที่ยังสูง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกยังคงมีอยู่บ้าง ได้แก่ ภาคการท่องเที่ยวที่ปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 28 ล้านคน มาเป็น 35-38 ล้านคน จากแรงหนุนมาตรการฟรีวีซ่า การส่งออกเริ่มฟื้นตัว การลงทุนใหม่ๆ จะเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น เช่น โครงการแลนด์บริดจ์ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐและคาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวอยู่ที่ 3-3.5% โดยที่ยังไม่มีโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต แต่ถ้ามีน่าจะขยายตัวได้มากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม แม้ค่าแรงจะปรับขึ้นมา 3-4% แต่ถือว่ายังน้อย ในปีนี้บริษัทชะลอการปรับขึ้นราคาค่าก่อสร้างบ้านไว้ก่อนจากเมื่อปลายปี 2566 ตั้งเป้าจะปรับขึ้น 5% อย่างไรก็ดี ถ้าในเดือนเมษายนนี้รัฐปรับขึ้นค่าแรงอีก คงต้องกลับมาทบทวนราคากันอีกครั้ง ซึ่งค่าแรงคิดเป็น 30% ของต้นทุนก่อสร้างบ้าน แม้ว่าค่าแรงที่บริษัทจ่ายในปัจจุบันจะเกิน 400 บาทไปแล้ว แต่ค่าแรงจะไปกระทบกับราคาวัสดุก่อสร้าง
กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ ด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้ไม่สามารถสร้างบ้านในราคา 2 ล้านบาทได้แล้ว อย่างน้อยต้อง 3 ล้านบาทขึ้นไป แต่เพื่อรักษาฐานกลุ่มลูกค้านี้ไว้ บริษัทได้ออกแบบบ้านราคา 2 ล้านบาทมารองรับตลาด
