บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX เปิดเผยรายงานผลประกอบการปี 2566 ไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า ผลประกอบการปี 2566 มีผลขาดทุน 3,880.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่ขาดทุน 2,829.84 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่มสูงขึ้น 1,050.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 37%
สาเหตุจาก ความต้องการการจัดส่งสินค้าที่ลดลงจากการช่องทางแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือสินค้าออนไลน์ และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคจากเดิมที่มีการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ไปสู่การซื้อตามหน้าร้านค้าหลังมีการเปิดประเทศมากขึ้นจนเต็มรูปแบบ
สำหรับรายได้จากการขายและการให้บริการ อยู่ที่ 11,470.3 ล้านบาท ลดลง 32.5% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน สาเหตุปริมาณการจัดส่งพัสดุลดลง 30% เมื่อเทียบปี 65 ผลมาจากปริมาณการซื้อขายผ่านทางตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต่ำกว่าบริษัทคาดการณ์ โดยเฉพาะการลดลงในช่วงไตรมาส 3/2566
ด้านสัดส่วนรายได้จากผู้ใช้บริการประเภท C2C / B2B ที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า เป็นส่วนสําคัญอย่างยิ่งในการช่วยลด ผลกระทบจากจากปริมาณการจัดส่งพัสดุจากแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ลดลง เนื่องจากผู้ใช้บริการ C2C / B2B เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่อพัสดุสูงกว่าสองถึงสามเท่าเมื่อเทียบกับสัดส่วนรายได้จากลูกค้าที่มาจากแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ผ่านมา นายคิน เฮ็ง เน็ง อเล็กซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ได้ส่งหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 บริษัทได้รับแบบประกาศเจตนาในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการของบริษัท (แบบ 247-3) จากบริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (บริษัทย่อยทางอ้อมของ S.F. Holding Co., Ld ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น) ในฐานะผู้ประกาศเจตนา โดยมีนายโจว หมิงหลง และนายฟู่ เจี๋ย เป็นผู้ประกาศเจตนา บริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด
สำหรับการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญของบริษัท จำนวนทั้งสิ้น 1,275,202,145 หุ้น (คิดเป็น 73.18% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท) ราคาที่คาดว่าจะเสนอซื้ออยู่ที่หุ้นละ 5.50 บาทต่อหุ้น รวมคิดเป็นมูลค่า 7,013,611,797.50 บาท
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2020 บริษัทเคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหุ้นไทยมีราคาหุ้นเปิดที่ 65.25 บาท เพิ่มขึ้น 37.25 บาท จากราคาหุ้น IPO ที่ 28 บาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 133.04% ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัท KEX ในวันนั้น อยู่ที่ประมาณ 113,000 ล้านบาททันที
ทั้งนี้ บริษัทฯ ดำเนินกิจการจัดส่งพัสดุด่วนเอกชนในไทย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2549 ปัจจุบันมีจุดบริการกว่า 15,000 แห่งทั่วประเทศ พร้อมศูนย์กระจายพัสดุกว่า 1,000 แห่งครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ ซึ่งสามารถรองรับพัสดุได้กว่า 1.9 ล้านชิ้นต่อวัน