ตลาดหุ้นสหรัฐขาลงนานสุดใน 2 เดือนกว่า ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดิ่งแรงเฉียด 500 จุด ปิดใกล้หลุด 46,000 จุด แห่ขายหุ้นกลุ่มเทคเอไอรอบใหม่ เตือนฟองสบู่ธุรกิจเอไอหนาหู นักลงทุนยังหวั่นลดดอกเบี้ยสหรัฐไม่ชัดเจนในธันวาคม

ตลาดหุ้น สหรัฐ ขาลงนานสุดใน 2 เดือนกว่า ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดิ่งแรงเฉียด 500 จุด ปิดใกล้หลุด 46,000 จุด แห่ขายหุ้นกลุ่มเทคเอไอรอบใหม่ เตือนฟองสบู่ธุรกิจเอไอหนาหู นักลงทุนยังหวั่นลดดอกเบี้ยสหรัฐไม่ชัดเจนในธันวาคม

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 46,091 จุด -498 จุด หรือ -1.07% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 6,617 จุด -55 จุด หรือ -0.83% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 22,432 จุด -275 จุด หรือ -1.21% ไม่เพียงส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดต่ำกว่าระดับ 47,000 จุดต่อเนื่อง แต่ยังดำดิ่งรวมกันกว่า -2,000 จุดใน 4 วันติดกัน นอกจากนี้ดัชนีหุ้น เอสแอนด์พี 500 ปิดลดลง 5 วันติดต่อกัน ทำสถิติยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หรือในรอบสองเดือนครึ่ง

สาเหตุจากนักลงทุนเกิดความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับ ราคาหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนำในธุรกิจเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ หลังจากที่มีคำเตือนเกี่ยวกับทั้งราคาหุ้นและมูลค่าของขนาดมูลบริษัทในกลุ่มเอไอมีราคาสูงเกินความเป็นจริง และกำลังเข้าสู่ภาวะราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวถูกเทขายปรับฐานลดลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อกลับเข้าไปสู่ราคาที่แท้จริง ส่งผลให้หุ้นของบริษัทเอ็นวีเดียอเมซอน ไมโครซอฟท์ ถูกเทขายตลอดทั้งวัน

ในขณะที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อัลฟาเบท ซึ่งเป็นเจ้าของกูเกิ้ลกล่าวว่าทุกบริษัทไม่สามารถหลุดพ้นผลกระทบที่จะได้รับจากภาวะฟองสบู่เอไอแตก รวมถึงรองประธานธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งเป็นธนาคารที่เป็นขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า มูลค่าของบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเอไอจะเกิดภาวะการปรับฐานราคเข้าสู่ปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง

ความกังวลในแนวโน้มและโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ในเดือนธันวาคมที่กำลังจะจะมาถึง เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ตกอยู่ในภาวะการขาดแคลนข้อมูลทางเศรษฐกิจ ที่จะใช้ประกอบในการประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาชัตดาวน์ยาวนานถึง 43 วันติดกัน

ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด หรือ ซีเอ็มอี วอทช์ ในการประชุมเดือนธันวาคม 2025 ปรากฎว่า มีโอกาสอยู่ที่ 50% จากเดิมที่ระดับ 41% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles