ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 39,087 จุด +90 จุด หรือ +0.22% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,137 จุด +40 จุด หรือ +0.80% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 16,274 จุด +183 จุด หรือ +1.14% ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ สอดรับกับดัชนีหุ้นนาสแดคปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ และเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันด้วย นอกจากนี้ ยังทำลายสถิติสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 16,121 จุดลงเป็นผลสำเร็จ นอกจากนี้ ทั้งดััชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดขึ้นรายสัปดาห์ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน
ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสวนทางกัน -0.11%, +0.95% และ +1.14% ตามลำดับ เมื่อสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดทะยานขึ้น +2.22%, +5.17% และ +6.12% ตามลำดับ ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นปิดขึ้นแดนบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี 9 เดือน หรือตั้งแต่พฤษภาคม 2021 เป็นต้นมา
สาเหตุจากตัวเลขรายจ่ายผู้บริโภคชาวอเมริกันเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย ซึ่งไม่สูงเกินกว่าที่คาดไว้ ทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าแรงกดดันต่อแนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้นจะไม่มากกว่าที่คิดไว้ นอกจากนี้ นักลงทุนมั่นใจในอนาคตธุรกิจกลุ่มเทคโนโลยีที่แข็งขันกันด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ จึงเข้าลงทุุนหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และไมโครชิปอย่างหนาตา
ทั้งนึ้ ด้านตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ของเฟดในการประชุมเดือนมิถุนายน ปี 2024 อยู่ที่ 62% ลดลงจากเดิมที่ระดับ 66%