ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 44,424 จุด -140 จุด หรือ -0.32% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 6,101 จุด -17 จุด หรือ -0.29% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 19,954 จุด -99 จุด หรือ -0.50% ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +2.2%, +1.7% และ +1.7% ทำให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งปิดขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดดัน ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดหลุดระดับ 44,000 จุด และ 20,000 จุดตามลำดับ
สาเหตุจากนักลงทุนทำกำไปปรช่วงสั้นหลังจากในสัปดาห์ผ่านไป ได้ปัจจัยบวกจากการส่งสัญญาณของประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวแสดงมุมมองเศรษฐกิจบนเวทีการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum ที่เมืองดาวอส สวิสเซอร์แลนด์ ว่า ต้องการให้ธนาคารกลางสหรัฐลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงทันที นอกจากนี้ นักลงทุนติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดในวันที่ 27-28 นี้ ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งแรกของปี 2025
นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นกับการแถลงนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอในสหรัฐอเมริกาด้วยการลงทุนร่วมกันของภาคเอกชนสหรัฐและญี่ปุ่นมูลค่ามากถึง 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 17,000 ล้านบาท นอกจากนี้ นายทรัมป์แถลงยืนยันเตรียมพิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 10% ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ โดยช่วงหาเสียงนั้น นายทรัมป์ประกาศ จะขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจากจีนสูงถึง 60% รวมถึงเนตฟลิกซ์ เปิดเผยว่ามีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นเกินกว่า 300 ล้านสมาชิกทั่วโลก และพร้อมขึ้นราคาสมาชิกในอนาคตอันใกล้นี้
ด้านตัวชี้วัดโอกาสการตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดครั้งแรกในการประชุมวันที่ 27-28 มกราคม ปี 2025 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 99% และแนวโน้มที่จะตรึงดอกเบี้ยดังกล่าวไปถึงเดือนมีนาคม ขณะที่โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดในมีนาคมอยู่ที่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 41%
ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2024 พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งสูง +13%, +23% และ +29% ตามลำดับ โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นปิดบวกสูงกว่า 20% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งปิด +13%, +23.8% ในเดือนธันวาคม 2024 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด -5.2%, -2.1% และ +1.4% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ในธันวาคม 2024 ทำสถิติรายเดือนที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 2 ปี 3 เดือน หรือตั้งแต่กันยายนปี 2022 สอดรับกับดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ในธันวาคม 2024 ทำสถิติรายเดือนที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 8 เดือน หรือตั้งแต่เมษายนปีนี้