ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 40,743 จุด +203 จุด หรือ +0.51% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,436 จุด -27 จุด หรือ -0.50% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 17,147 จุด -222 จุด หรือ -1.28% เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคมผ่านมา นับเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นนาสแดคดำดิ่งรุนแรงในรอบเกือบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสวนทาง +0.8%, -0.8% และ -2.1% ตามลำดับ
สิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปรากฎว่าดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +1.1%, +3.5% และ +6% ตามลำดับ ส่งผลให้ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นปิดรายเดือนเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันจากทั้งหมดใน 8 เดือนผ่านมา อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2 พบว่า ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นปิดสวนทางกัน -1.7%, +3.9% และ +8.3% ตามลำดับ นอกจากนี้ สิ้นสุดครึ่งปีแรก หรือนับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงปัจจุบัน พบว่า ดัชนีสำคัญดังกล่าวปิดเพิ่มขึ้น +3.8%, +14.5% และ +18.1% ตามลำดับ
สาเหตุจากนักลงทุนหวนกลับเข้าลงทุนอย่างระมัดระวังครั้งใหม่ โดยรอติดตามผลการะประชุมของ 3 ธนาคารกลางสำคัญของโลกในสัปดาห์นี้ ทั้งสหรัฐ อังกฤษ และญี่ปุ่น โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐเริ่มต้นประชุมในคืนนี้เป็นวันแรกใน 2 วันติดกัน นอกจากนี้ นักลงทุนรอการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทชั้นนำอีกจำนวนมากในสัปดาห์นี้
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในเดือนกันยายนอยู่ที่ 98% จากเดิมที่ 100% ขณะที่ โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในธันวาคมอยู่ที่ 72% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 50%
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ