ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 39,781 จุด +269 จุด หรือ +0.68% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,241 จุด +16 จุด หรือ +0.32% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 16,401 จุด +32 จุด หรือ +0.20% ส่งผลดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เป็นวันที่ 2 ต่อเนื่อง โดยเฉพาะดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งที่ 20 ตั้งแต่ต้นปีนี้มา
เมื่อสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดทะยานขึ้น +2.22%, +5.17% และ +6.12% ตามลำดับ ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นปิดขึ้นแดนบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี 9 เดือน หรือตั้งแต่พฤษภาคม 2021 เป็นต้นมา
สาเหตุจากนักลงทุนมีความมั่นใจต่อเนื่อง และเข้าลงทุนหุ้นในทุกกลุ่ม หลังจากเมื่อวันที่ 20 มีนาคมกับการประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ นายเจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเร็วๆนี้ที่ผ่านมา ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแนวโน้มของภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐที่ชะลอตัวลงอย่างเชื่องช้า ซึ่งเฟดยังคงมองการปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้น 3 ครั้งในปี 2024 นี้ และยืนยันว่าการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐยังมีต่อไป นักวิเคราะห์ประเมินว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป คาดรวมลดดอกเบี้ยทั้งหมด 0.75%
ทั้งนึ้ ด้านตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ของเฟดในการประชุมเดือนมิถุนายน ปี 2024 อยู่ที่ 70% จากเดิมที่ระดับ 79%