ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 41,368 จุด +254 จุด หรือ +0.62% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,663 จุด +32 จุด หรือ +0.58% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 17,928 จุด +189 จุด หรือ +1.07% ส่งผลดัชนีหุ้นทั้ง 3 แห่งปิดขึ้น 2 วันติดกันรวม +502, +56 และ +237 จุด ตามลำดับ
สาเหตุจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ร่วมแถลงข่าวพร้อมกับนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ กับความสำเร็จของข้อตกลงการค้าและภาษีของทั้ง 2 ประเทศ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเก็บภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs สหราชอาณาจักรที่ 10% ตามเดิมที่เคยประกาศไว้เมื่อ 2 เมษายน สำหรับสหราชอาณาจักร ปรับลดอัตราภาษีเก็บจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐอเมริกาลงมาเหลือเพียงเพียง 1.8% จากเดิมที่เก็บในอัตรา 5.1% และเปิดช่องทางการเข้าถึงตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเกษตรให้กับสหรัฐอเมริกา ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกแข็งค่าสูงขึ้น 0.7% รับความสำเร็จของข้อตกลงภาษีและการค้าของทั้งหมด 2 ประเทศ และการส่งสัญญาณของประธานเฟดว่ายังไม่ปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นท่ามกลางความไม่ชัดเจนของภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา
ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมยกเลิกกฎหมายจำกัดการค้าเกี่ยวกับไมโครชิปของสหรัฐอเมริกา และอาจพิจารณามาตรการใหม่ ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทเอ็นวีเดีย และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอื่นๆ ปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา มีมติคงดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งที่ 3 ต่อเนื่องที่ 4.25-4.50%
ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2024 พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งสูง +13%, +23% และ +29% ตามลำดับ โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นปิดบวกสูงกว่า 20% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน