ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 47,954 จุด +104 จุด หรือ +0.22% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 6,870 จุด +13 จุด หรือ +0.19% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 23,578 จุด +72 จุด หรือ +0.31%
ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดขึ้น 4 วันติดกัน และดัชนีหุ้นนาสแดคปิดขึ้น 9 วันติดต่อกันจาก 10 วันผ่านมา ในสัปดาห์นี้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้งสามแห่งปิดเพิ่มขึ้น +0.5%, +0.3% และ +1% ตามลำดับ
สาเหตุจาก นักลงทุนมั่นใจในโอกาสลดดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ หลังจากรายจ่ายส่วนบุคคลชาวอเมริกันประจำเดือนกันยายน ที่เลื่อนจากการประกาศตามกำหนดเดิมในเดือนตุลาคม พบว่า เพิ่มขึ้น 0.3% เทียบกับเดือนก่อนหน้านั้น และเพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ซึ่งตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.7%
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด หรือ ซีเอ็มอี วอทช์ ในการประชุมเดือนธันวาคม 2025 ปรากฎว่า มีโอกาสอยู่ที่ 87% จากเดิมที่ระดับ 89% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน
ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ปิดตลาดตรงกับวันครบรอบ 100 วันของการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ปรากฏว่า ครบ 100 วันดังกล่าวดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง -7.23% และมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐสะท้อนจากดัชนีหุ้นดังกล่าวหดหายมากถึง 3.66 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 122.6 ล้านล้านบาท ทำสถิติตลาดหุ้นนิวยอร์ก ครบ 100 วันของประธานาธิบดีดนัลด์ ทรัมป์ในสมัยที่ 2 ที่เลวร้ายเป็นอันดับที่ 3 ในโอกาสครบ 100 วันของประวัติศาสตร์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ผ่านมา สถิติดังกล่าวเป็นรอง หรือตามหลังในยุคอดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เมื่อ 56 ปีผ่านมา และอดีตประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด เมื่อ 51 ปีผ่านมา ตามลำดับ
ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2024 พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งสูง +13%, +23% และ +29% ตามลำดับ โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นปิดบวกสูงกว่า 20% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน