ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 48,458 จุด -245 จุด หรือ -0.51% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 6,827 จุด -73 จุด หรือ -1.07% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 23,195 จุด -398 จุด หรือ -1.69% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดหลุดสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้งสามแห่งปิด +1.1%, -0.6% และ -1.6% ตามลำดับ
สาเหตุจาก นักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นกับภาวะฟองสบู่หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ และบริษัทชั้นนำที่อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้กรรมการที่ลงมติไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมาล้วนกล่าวว่ามีความกังวลใจต่อแนวโน้มการเฟ้อในอนาคตของสหรัฐอเมริกาที่จะทำให้มีโอกาสในการลดดอกเบี้ยระยะสั้นในปี 2026 สะท้อนถึงผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับเพิ่มสูงขึ้นทันที นอกจากนี้ นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มอื่นๆ เช่น สถาบันการเงิน และภาคการท่องเที่ยวของสหรัฐ และลดการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ในสัปดาห์หน้านักลงทุนรอติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ได้แก่ตัวเลขการจ้างงานชาวอเมริกานอกภาคการเกษตรซึ่งจะประกาศในวันที่ 16 ธันวาคม ตัวเลขยอดขายปลีก และ และตัวเลขภาวะเงินเฟ้อผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกา
ธนาคารยูบีเอส เอจี ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ชื่อดังระดับโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า คาดการณ์ดัชนีหุ้น S&P 500 ในตลาดหุ้นนิวยอร์กสหรัฐจะพุ่งทะยานขึ้นอยู่ที่ระดับ 7,700 จุดภายในสิ้นปี 2026 ซึ่งนำโดยหุ้นในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี ที่รู้จักกันดีในกลุ่มหุ้น 7 มหัศจรรย์ หรือ 7 Magnificent เช่น เมตะ อัลฟาเบธ อเมซอน ไมโครซอฟท์ แอปเปิล เป็นต้น และหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ สาเหตุจากบริษัทเหล่านี้มีความสามารถในการทำกำไรต่อเนื่องในปี 2026 รวมถึงบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสุขภาพให้มีชีวิตยืนยาว