ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 38,085 จุด -375 จุด หรือ -0.98% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,048 จุด -23 จุด หรือ -0.46% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 15,611 จุด -100 จุด หรือ -0.64%
ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสวนทาง +0.01%, -3.1% และ -5.5% ตามลำดับ ที่สำคัญ ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นนาสแดคปิดดำดิ่งอย่างหนัก ส่งผลให้ดัชนีดังกล่าวปิดดิ่งเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน จะส่งผลให้ดัชนีหุ้นนาสแดคครายสัปดาห์ทำสถิติร่วงตกต่ำยาวนานต่อเนื่องมากที่สุดในรอบ 1 ปี 4 เดือน หรือนับตั้งแต่ธันวาคม ปี 2022 เป็นต้นมา
สาเหตุจาก ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐสหรัฐอายุ 10 ปี เคลื่อนไหวระดับ 4.6% สูงสุดในรอบ 5 เดือน หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายนปี 2023 เป็นต้นมา และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.04% หลังจากนักลงทุนมองว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะชะลอลดดอกเบี้ยเนื่องจาก ตัวเลขรายจ่ายการบริโภคส่วนบุคคลชาวอเมริกันในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดที่กำหนดไว้ที่ระดับ 2% สะท้อนถึงภาวะเงินเฟ้อสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง ท่ามกลางอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐไตรมาสที่ 1 ปีนี้ อยู่ที่ 1.6% ซึ่งลดต่ำลงกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้ และยังลดต่ำจากไตรมาสที่ 4 ปีผ่านมาที่ขยายตัวได้ดีถึง 3.4%
นักลงทุนรอการประกาศตัวเลขรายจ่ายส่วนบุคคลชาวอเมริกันที่จะประกาศในวันศุกร์ที่ 26 นี้ หากตัวเลขดังกล่าวลดลงต่ำกว่าคาดการณ์ สะท้อนถึงโอกาสเฟดจะลดดอกเบี้ยตามคาดการณ์ในปีนี้ แต่หากตัวเลขนี้สูงกว่าเป้าหมาย จะส่งผลต่อการชะลอลดดอกเบี้ยของเฟด
ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ของเฟดในการประชุมเดือนมิถุนายน ปี 2024 อยู่ที่ 21% จากเดิมที่ระดับ 50% ขณะที่โอกาสดังกล่าวที่จะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 71%
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ