ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 38,834 จุด +56 จุด หรือ +0.15% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,487 จุด +13 จุด หรือ +0.25% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 17,862 จุด +5 จุด หรือ +0.03% ส่งผลดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เป็นวันที่ 7 ติดกัน และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เป็นครั้งที่ 31
ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสวนทางกัน ลดลง -0.5%, +1.6% และ +3.2% ตามลำดับ
สาเหตุจากหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และไมโครชิป มีความคึกคักอย่างต่อเนื่อง นำโดยหุ้นบริษัทเอ็นวีเดียที่พุ่งขึ้นอีก 3.5% ในคืนผ่านมา ส่งให้มีมูลค่าของบริษัทเอ็นวีเดียแตะหลัก 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 111 ล้านล้านบาท ส่งผลมีมูลค่าบริษัทแซงบริษัทไมโครซอฟต์ อินคอร์ปอเรชั่น เป็นผลสำเร็จ โดยราคาหุ้นเอ็นวีเดียพุ่งทะยานถึง 174% นับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงปิดตลาดหุ้นในคืนผ่านมา นอกจากนี้ ตัวเลขยอดขายปลีกเดือนพฤษภาคมในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในเดือนกันยายนลดลงเป็น 69% จากเดิมที่ 73% ขณะที่ โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในธันวาคมอยู่ที่ 72% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 50% หลังจากในช่วงเริ่ผ่านมา มีการประเมินว่าการลดดอกเบี้ยของเฟดครั้งแรกอาจเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน จากที่เคยให้น้ำหนักมาที่เดือนกันยายน
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ