ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 44,632 จุด -204 จุด หรือ -0.46% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 6,370 จุด -18 จุด หรือ -0.30% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 21,098 จุด -80 จุด หรือ -0.38% ส่งผลหยุดทั้ง 2 ดัชนีหุ้นสำคัญ ได้แก่ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นนาสแดค ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ก่อนหน้าถึงคืนผ่านมา ทั้ง 2 ดัชนีหุ้นสำคัญดังกล่าวปิดทำนิวไฮถึง 4 วันต่อเนื่อง ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นนาสแดคทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่รวม 15 และ 16 ครั้งตามลำดับจากต้นปีนี้ ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +1.3%, +1.5% และ +1.0% ตามลำดับ
สิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +4.98%, +10.57% และ +17.75% ตามลำดับ ทำสถิติดัชนีหุ้นรายไตรมาสที่ดีที่สุดในรอบหลายปี อย่างไรก็ตาม ครึ่งแรกของปี 2025 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง กลับให้ผลตอบแทนที่แย่ในรอบ 2 ปีครึ่ง หรือตั้งแต่ปี 2022 และในเดือนมิถุนายนนี้ ปิดพุ่ง +3.7%, +4.4% และ +6.1% ตามลำดับ
สาเหตุจากทีมเจรจาภาษีฝ่ายจีนโดยนายหลี เฉิงกัง รองนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวสรุปว่าจีนและสหรัฐอเมริกาจะผลักดันข้อสรุปการเลื่อนระยะเวลาเส้นตายออกไปอีก 90 วัน พร้อมรายละเอียดในการเจรจาอื่นๆ ขณะที่นายสก็อต เบสเซนท์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะเป็นผู้ตัดสินใจกับข้อสรุปเลื่อนวันเส้นตายออกไปอีก 90 วัน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกากำลังมีการประชุมในวันที่ 20-30 นี้ คาดว่าตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นต่อเนื่องที่ 4.25-4.50%
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ปิดตลาดตรงกับวันครบรอบ 100 วันของการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ปรากฏว่า ครบ 100 วันดังกล่าวดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง -7.23% และมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐสะท้อนจากดัชนีหุ้นดังกล่าวหดหายมากถึง 3.66 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 122.6 ล้านล้านบาท ทำสถิติตลาดหุ้นนิวยอร์ก ครบ 100 วันของประธานาธิบดีดนัลด์ ทรัมป์ในสมัยที่ 2 ที่เลวร้ายเป็นอันดับที่ 3 ในโอกาสครบ 100 วันของประวัติศาสตร์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ผ่านมา สถิติดังกล่าวเป็นรอง หรือตามหลังในยุคอดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เมื่อ 56 ปีผ่านมา และอดีตประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด เมื่อ 51 ปีผ่านมา ตามลำดับ
ก่อนหน้านึ้ถึงวันที่ 21 เมษายน 2025 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้งสามแห่งทำสถิติดำดิ่งเลวร้ายถึง -9% นับตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2025 หรือเป็นวันที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศบังคับใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs กับ 185 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งยังคงร่วงลง -5.1%, -3.3% และ -2.5% ตั้งแต่วันที่ 2 มาถึงวันที่ 24 เมษายนผ่านไป ส่งผลดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และนาสแดคปิดลดลง 4 วันติดกันรวม -2,352 จุด และ -959 จุดตามลำดับ
ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2024 พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งสูง +13%, +23% และ +29% ตามลำดับ โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นปิดบวกสูงกว่า 20% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน