ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 42,992 จุด -333 จุด หรือ -0.77% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,970 จุด -66 จุด หรือ -1.11% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 19,722 จุด -298 จุด หรือ -1.49% ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นนาสแดค กลับมาปิดหลุดระดับ 43,000 จุด, 6,000 จุด และ 20,000 จุดครั้งใหม่
สาเหตุจากสาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ส่งผลเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐรายสัปดาห์ที่แข็งค่าขึ้นถึง 4 สัปดาห์ติดกัน สอดรับกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ที่พุ่งสูงขึ้นในรอบ 7 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคมผ่านมา ส่งผลให้นักลงทุนแห่เทขายหุ้นทุกกลุ่มอย่างหนาตาต่อเนื่อง
ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งปิด +0.4%, +0.7% และ +0.8% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์แรกใน 3 สัปดาห์ที่ร่วงติดต่อกันผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤศจิกายนดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.5%, +5.0% และ +6.0% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติรายเดือนที่ดีที่สุดตั้งแต่ต้นปี 2024 นี้
นักลงทุนเพิ่มโอกาสการลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดครั้งแรกในปี 2025 จะมีขึ้นในเดือนมีนาคม และครั้งที่ 2 จะมีขึ้นในเดือนตุลาคม ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศตัวเลขการใช้จ่ายส่วนบุคคลชาวอเมริกันในคืนผ่านมานั้น นักลงทุนมองว่ามีโอกาส 50% ที่จะลดดอกเบี้ยระยะสั้นในเดือนธันวาคมของปี 2025 สำหรับการประชุมครั้งแรกของธนาคารกลางสหรัฐในปี 2025 จะมีขึ้นในวันที่ 27-28 มกราคม 2025
