ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 40,000 จุด +247 จุด หรือ +0.62% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,615 จุด +30 จุด หรือ +0.55% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 18,398 จุด +115 จุด หรือ +0.63% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดแตะ 40,000 จุดครั้งใหม่ในรอบ 2 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่พฤษภาคมผ่านมา อย่างไรก็ตาม ดัชนีดังกล่าวสูงสุดระหว่างวันขึ้นแตะ 40,257.24 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่
ในสัปดาห์นึ้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +1.6%, +0.9% และ +0.2% ตามลำดับ นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นนาสแดคปิดพุ่งขึ้น +17.6% และ +22.5% ตามลำดับ
สิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปรากฎว่าดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +1.1%, +3.5% และ +6% ตามลำดับ ส่งผลให้ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นปิดรายเดือนเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันจากทั้งหมดใน 8 เดือนผ่านมา อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2 พบว่า ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นปิดสวนทางกัน -1.7%, +3.9% และ +8.3% ตามลำดับ นอกจากนี้ สิ้นสุดครึ่งปีแรก หรือนับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงปัจจุบัน พบว่า ดัชนีสำคัญดังกล่าวปิดเพิ่มขึ้น +3.8%, +14.5% และ +18.1% ตามลำดับ
สาเหตุจากนักลงทุนมองมุมบวกต่อโอกาสลดดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐในเดือนกันยายนนี้ นอกจากนี้ เริ่มคาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2 ที่จะเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลประกาศในสัปดาห์หน้าเป็นต้นไปนั้น จะออกมาดีในภาพรวม ด้านประธานธนาคารกลางสหรัฐแถลงมุมมองภาวะดอกเบี้ยระยะสั้นต่อรัฐสภาสหรัฐในคืนวันอังคารผ่านมา มองว่า การตรึงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวนานเกินไปจะทำให้เศรษฐกิจเป็นอันตรายต่อการเติบโต นักลงทุนรอการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคเดือนมิถุนายนในวันพฤหัสบดีนี้
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในเดือนกันยายนอยู่ที่ 94% จากเดิมที่ 78% ขณะที่ โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในธันวาคมอยู่ที่ 72% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 50% หลังจากในช่วงเริ่ผ่านมา มีการประเมินว่าการลดดอกเบี้ยของเฟดครั้งแรกอาจเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน จากที่เคยให้น้ำหนักมาที่เดือนกันยายน
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ