ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 46,601 จุด -1 จุด หรือ -0.00% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 6,753 จุด +39 จุด หรือ +0.58% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 23,043 จุด +255 จุด หรือ +1.12% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นนาสแดค ทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นนาสแดคปิดเหนือระดับ 23,000 จุดเป็นครั้งแรก
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดเดือนกันยายน +1.7% และในไตรมาส 3 พุ่ง 5% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดเดือนกันยายน +3.1% และในไตรมาส 3 พุ่ง 7.4% และดัชนีหุ้นนาสแดคปิดเดือนกันยายน +5.3% และในไตรมาส 3 พุ่ง 10.9%
สาเหตุจากนักลงทุนหวนกลับเข้าซื้อหุ้น กลุ่มเทคโนโลยีครั้งใหม่ ท่ามกลางการเปิดเผยบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หริอเฟด พบว่าความคิดเห็นของคณะกรรมการล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกันที่ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงอีกราว 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี 2025 นี้
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนได้รับการเตือนว่าภาวะการลงทุนหุ้นของบริษัทที่อยู่ในธุรกิจประเภทปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ กำลังสุ่มเสี่ยงเกิดภาวะฟองสบู่ ซึ่งอาจทำให้กลายเป็นวิกฤติคล้ายคลึงกันในยุคดอทคอมที่ล่มสลายในช่วงปลายปี 1990 ขณะที่ปัจจัยการเมืองในสหรัฐอเมริกาส่งผลให้ภาวะรัฐบาลชัตดาวน์มาถึงครบ 8 วัน และมีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อเข้าสู่สัปดาห์ที่สองต่อเนื่อง ซึ่งมีผลกระทบต่อการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ และธุรกิจของสหรัฐอเมริกาที่ใช้ในการประเมินทิศทางการลงทุนในตลาดทุนของสหรัฐอเมริกา