ตลาดหุ้นสหรัฐปิดสวนทาง ดัชนีหุ้นนาสแดคปิดขึ้นกว่า 280 จุด สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ และแตะหลัก 19,000 จุดเป็นครั้งแรก เฟเลงดอกเบี้ยลงตามคาด

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 43,729 จุด -0.59 จุด หรือ -0.01% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,973 จุด +44 จุด หรือ +0.74% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 19,269 จุด +285 จุด หรือ +1.51% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นนาสแดคทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เป็นวันที่ 2 ติดต่อกันด้วย

สาเหตุจากนักลงทุนยังคงเข้าลงทุนหุ้นต่อเนื่อง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงอีก 0.25% ตามคาดหมาย ส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงมาจากระดับแข็งค่าสูงสุดวน 4 เดือน ซึ่งเป็นผลจากความชัดเจนในผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายด้วยคะแนนคณะผู้เลือกตั้งถึง 294 คะแนน ในขณะที่นางแฮร์ริสได้ 223 คะแนน ปัจจัยดังกล่าว ทำให้ขจัดปัจจัยเสี่ยง หรือปัจจัยความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองสหรัฐ พรรครีพลับริกันเต็มไปด้วยอำนาจการบริหารราชการเบ็ดเสร็จสมบูรณ์แบบ เนื่องจากได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ทั้งวุฒิสมาชิก ทั้งสมาชิกผู้แทนราษฎร และผู้ว่าการรัฐ นโยบายของทรัมป์ที่จะยุติสงครามในภูมิภาคที่เกิดความขัดแย้งรุนแรงด้วย

ตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐอเมริกา พบว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐครั้งต่อไปวันที่ 17-18 ธันวาคมนี้ มีโอกาสที่ 60% ที่ดอกเบี้ยจะปรับลง 0.25%

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนผ่านมา ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 43,729 จุด +1,508 จุด หรือ +3.57% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,929 จุด +146 จุด หรือ +2.53% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 18,983 จุด +544 จุด หรือ +2.95% ในวันดังกล่าวไม่เพียงส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้นเหนือระดับ 43,000 จุดเป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ แต่ยังทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ สอดรับกับดัชนีหุ้นนาสแดคทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดลดลง -0.2%, -1.4% และ -1.5% ตามลำดับ

บรรยกาศการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 6 พฤศจิกายนนั้น เต็มไปด้วยความร้อนแรงสุดคึกคักนับตั้งแต่เปิดตลาดนาทีแรก ย้อนกลับไปเมื่อเวลา 9.30 น. ซึ่งตรงกับเวลา 21.30 น. ของไทยในคืนผ่านมา พบว่า ดัชนีหุ้นดาวโจนส์เปิดระดับ 43,528 จุด +1,306 จุด หรือ +3.09% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ที่ระดับ 5,901 จุด +118 จุด หรือ +2.06% และดัชนีหุ้นนาสแดคเปิดที่ 18,818 จุด +379 จุด หรือ +2.06% ไม่เพียงส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์เปิดตลาดซื้อขายพุ่งสูงขึ้นกว่า 3% ขึ้นไป ทำสถิติดัชนีหุ้นพุ่งกระฉูดมากที่สุดใน 1 วัน ที่คึกคักที่สุดในรอบ 1 ปี 4 เดือน หรือตั้งแต่มิถุนายน 2023 เป็นต้นมา แต่ยังทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่

ในวันที่ 6 พฤศจิกายน เมื่อเวลา 05.30 น.(ตามเวลาในสหรัฐ) หรือตรงกับ 17.30 น. ดัชนีหุ้นล่วงหน้า หรือ Future ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นสำคัญพุ่งทะยานสูงขึ้น ประกอบด้วย ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ที่ระดับ 43,598 จุด +1,217 จุด หรือ +2.85% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ที่ระดับ 5,945 จุด +133 จุด หรือ +2.27% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 20,696 จุด +354 จุด หรือ +1.76%

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles