ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 39,475 จุด -305 จุด หรือ -0.77% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,234 จุด -7 จุด หรือ -0.14% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 16,428 จุด +26 จุด หรือ +0.16% ส่งผลดัชนีหุ้นนาสแดคปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เป็นวันที่ 3 ต่อเนื่อง ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง เพิ่มขึ้น +2.0%, +2.3% และ +2.9% ตามลำดับ
เมื่อสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดทะยานขึ้น +2.22%, +5.17% และ +6.12% ตามลำดับ ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นปิดขึ้นแดนบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี 9 เดือน หรือตั้งแต่พฤษภาคม 2021 เป็นต้นมา
สาเหตุจากนักลงทุนทำกำไรในหุ้นกลุ่มสถาบันกาคเงิน อสังหาริมทรัพย์ เทคโนโลยี นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องทำสถิติสูงสุดในรอบ 1 เดือนกว่า หลังจากเมื่อวันที่ 20 มีนาคมกับการประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ นายเจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเร็วๆนี้ที่ผ่านมา ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแนวโน้มของภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐที่ชะลอตัวลงอย่างเชื่องช้า ซึ่งเฟดยังคงมองการปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้น 3 ครั้งในปี 2024 นี้ และยืนยันว่าการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐยังมีต่อไป นักวิเคราะห์ประเมินว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป คาดรวมลดดอกเบี้ยทั้งหมด 0.75%
ทั้งนึ้ ด้านตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ของเฟดในการประชุมเดือนมิถุนายน ปี 2024 อยู่ที่ 70% จากเดิมที่ระดับ 79%