ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 38,647 จุด -65 จุด หรือ -0.17% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,433 จุด +12 จุด หรือ +0.23% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 17,667 จุด +59 จุด หรือ +0.34% ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และนาสแดค ปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เป็นวันที่ 4 ติดกัน ในสัปดาห์ผ่านไปดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +0.29%, +1.32% และ +2.38% ตามลำดับ
สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับร่วงอ่อนค่า และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นอายุ 10 ปี พลิกลดลง หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไป และเงินเฟ้อขั้นพื้นฐานของผู้ผลิตสินค้าเดือนพฤษภาคมในสหรัฐผ่อนคลายลงจากที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกัน ท่ามกลางแนวโน้มลดดอกเบี้ยดังกล่าวในปีนี้อาจเหลือเพียงครั้งเดียว ส่วนปี 2025 นั้น มีการคาดการณ์ว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยระยะสั้นรวมกันถึง 1%
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นเป็น 73% จากเดิมที่ 53% ขณะที่ โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในธันวาคมอยู่ที่ 72% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 50% หลังจากในช่วงเริ่ผ่านมา มีการประเมินว่าการลดดอกเบี้ยของเฟดครั้งแรกอาจเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน จากที่เคยให้น้ำหนักมาที่เดือนกันยายน
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 37% ลดลงจากเดิมที่ระดับ 48% ในขณะที่ เริ่มมองว่าการลดดอกเบี้ยของเฟดครั้งแรกอาจเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน จากที่เคยให้น้ำหนักมาที่เดือนกันยายน
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ