ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 38,589 จุด -57 จุด หรือ -0.15% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,431 จุด -2 จุด หรือ -0.04% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 17,688 จุด +21 จุด หรือ +0.12% ส่งผลดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เป็นวันที่ 5 ติดกัน ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสวนทางกัน ลดลง -0.5%, +1.6% และ +3.2% ตามลำดับ
สาเหตุจากผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคชาวอเมริกันในเดือนมิถุนายนลดลงมาแตะ 65.6 จุด ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะแตะระดับ 71.5 จุด และทำสถิติต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับร่วงอ่อนค่า และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นอายุ 10 ปี พลิกลดลง
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นเป็น 73% จากเดิมที่ 53% ขณะที่ โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในธันวาคมอยู่ที่ 72% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 50% หลังจากในช่วงเริ่ผ่านมา มีการประเมินว่าการลดดอกเบี้ยของเฟดครั้งแรกอาจเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน จากที่เคยให้น้ำหนักมาที่เดือนกันยายน
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ