ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งสดใส ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ทะยานกว่า 400 จุด ปิดขึ้น 2 วันรวมกว่า 1,400 จุด ทำเนียบขาวจ่อลดภาษีสินค้าจีน ค่าเงินดอลลาร์สหรัเหวฐพลิกแข็งค่า ปธน.ทรัมป์ยันไม่ตั้งใจจะปลดประธานแบง์ขาติสหรัฐ

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 39,606 จุด +419 จุด หรือ +1.07% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,375 จุด +88 จุด หรือ +1.67% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 16,708 จุด +407 จุด หรือ +2.50% ส่งผลดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดขึ้นวันที่ 2 รวมกัน +1,435 จุด +217 จุด และ +836 จุด

ก่อนหน้านึ้ถึงวันที่ 21 เมษายน 2025 ดัชนีหุ้นสำคัญทั้งสามแห่งทำสถิติดำดิ่งเลวร้ายถึง -9% นับตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2025 หรือเป็นวันที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศบังคับใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs กับ 185 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ ส่งผลดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และนาสแดคปิดลดลง 4 วันติดกันรวม -2,352 จุด และ -959 จุดตามลำดับ ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด -2%, -1.5% และ -2.% ตามลำดับ

สาเหตุจาก ทำเนียบขาวสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยว่ากำลังพิจารณาปรับลดอัตราภาษีต่างตอบแทนหรือ Reciprocal Tariffs กับประเทศจีนซึ่งในปัจจุบันอยู่ในระดับ 145% ลงมาอยู่ระหว่าง 50 ถึง 60% ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าไม่มีความตั้งใจที่จะปลดประธานธนาคารกลางสหรัฐ นายเจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความในสื่อโซเชียลต่อเนื่องในลักษณะตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง รวมถึงมีการปรึกษาหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องทางกฎหมายที่จะปลดนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ทั้งนี้ ประธานเฟดมีเวลาอยู่ในตำแหน่งถึงเดือนพฤษภาคม 2026

รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกล่าวว่า ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐไม่ได้เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นยาวนาน ทำให้นักลงทุนประเมินว่าความขัดแย้งด้านสงครามภาษีและการค้าของทั้ง 2 ประเทศอาจจะผ่อนคลายและมีทางออก ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกแข็งค่าขึ้น 0.7% หลังจากอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 3 ปีมาเป็นเวลาหลายวัน

ผลสำรวจเกี่ยวกับมุมมองภาวะเงินเฟ้อสหรัฐอเมริกา พบว่าตัวเลขดังกล่าวในช่วง 5 ปี ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.5% ทำสถิติมุมมองเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 30 ปีหรือนับตั้งแต่เมษายนปี 1995 เป็นต้นมา และในช่วง 1 ปี ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.3% ทำสถิติมุมมองเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 1 ปี 3 เดือน หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายนปี 2023 เป็นต้นมา

ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2024 พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งสูง +13%, +23% และ +29% ตามลำดับ โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นปิดบวกสูงกว่า 20% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles