ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 45,631 จุด +846 จุด หรือ +1.89% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 6,466 จุด +96 จุด หรือ +1.52% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 21,496 จุด +396 จุด หรือ +1.88% ไม่เพียงทำให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ แต่ยังส่งผลหยุดดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดร่วง 5 วันทำการติดกัน จากต้นปีนี้ เป็นการทำนิวไฮของทั้ง 2 ดัชนีหุ้นดังกล่าวเป็นครั้งที่ 18 เท่ากัน ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +1.5%, +0.3% และ -0.8% ตามลำดับ
สาเหตุจากนักลงทุนกลับมีความมั่นใจอย่างมาก ด้วยการกลับเข้าซื้อแทบทุกกลุ่มอย่างหนาตา โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด เข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ความเสี่ยงของสมดุลระหว่างเงินเฟ้อและการจ้างงานในสหรัฐเปลี่ยนไป มีแรงกดดันต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ และมีปัจจัยลบมากขึ้นกดดันภาวะตลาดแรงงาน มุมมองเหล่านี้ให้ความมั่นใจที่จะปรับนโยบายการเงิน หรือดอกเบี้ยระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ประธานเฟดไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าการปรับดอกเบี้ยระยะสั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินว่าโอกาสที่ 85% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 75% ที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเพียง 0.25% จากเดิมคาดว่าจะลดลงมากถึง 0.5% ในเดือนกันยายน และจะลดลงอีก 0.25% ในเดือนตุลาคม นั่นหมายถึงคาดว่าจะปรับลด 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของครึ่งปีหลังนี้ จากเดิมที่ประเมินว่าจะมีเพียง 1 ครั้งเท่านั้น